Phones





KTB กำไรโตแกร่ง 29% ฟิทช์ ขยับความน่าเชื่อถือเป็น ‘AAA’

2022-01-22 13:35:21 313



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - KTB ประกาศผลการดำเนินงานปี 64 มีกำไรสุทธิ 21,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.0% จากสินเชื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่การตั้งสำรองลดลงจากปีก่อน แต่ยังเป็นการตั้งสำรองในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ 
 
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2565 นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 64 ของธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร เท่ากับ 21,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมาจากสินเชื่อที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 12.6% จากสิ้นปีที่ผ่านมา เพิ่มระดับของ Coverage ratio ให้สูงขึ้นเป็น 168.8% เพิ่มขึ้นจาก 147.3% ณ สิ้นปี 63 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ มีการบริหารจัดการและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยมี NPLs Ratio-Gross อยู่ที่ 3.50% ลดลงจาก 3.81% ณ สิ้นปีที่ผ่านมา โดยธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 32,524 ล้านบาท แม้จะลดลง 27.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่ยังเป็นการตั้งสำรองในระดับที่สูง
 
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4/64 เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 4,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.2% จากรายได้รวมที่ขยายตัวได้ดีทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น 5.0% จากสินเชื่อที่เติบโตในระดับสูงโดยมุ่งเน้นสินเชื่อที่มีคุณภาพ ส่งผลให้ NIM เท่ากับ 2.47% ประกอบกับรายได้จากการดำเนินงานอื่นที่ขยายตัว โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 5.6% จากการขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินรอการขาย ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเท่ากับ 8,233 ล้านบาท ลดลง 11.0% โดยระดับของ Coverage ratio ปรับสูงขึ้น
 
ทั้งนี้ ในปี 64 ภาวะเศรษฐกิจเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แม้ว่าอุปสงค์ในประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสสุดท้ายของปีจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรค และการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอนสูง
 
ทั้งนี้ ธนาคารจึงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง โดยบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิดและเพิ่มระดับของ Coverage ratio ให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนในอนาคต พร้อมดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด ครอบคลุมลูกค้ารายย่อย และลูกค้าธุรกิจ ทั้งมาตรการระยะเร่งด่วน มาตรการเฉพาะกลุ่ม และมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืน รวม 7 มาตรการ เพื่อให้สามารถประคองตัวและกลับมาเติบโตได้ในระยะข้างหน้า พร้อมเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19  สนับสนุนมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านโครงการต่างๆ
 
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.64 “ฟิทช์ เรทติ้งส์” ได้ประกาศปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคาร เพิ่มขึ้น 1 ระดับ ทั้งอันดับความน่าเชื่อสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว เป็น BBB+ และอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศระยะยาว เป็น AAA(tha) ซึ่งเป็นระดับความน่าเชื่อถือในระดับสูง โดยเป็นธนาคารพาณิชย์เพียงแห่งเดียวที่ได้รับการปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือในรอบนี้ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งและบทบาทที่ชัดเจนของธนาคารในเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วงที่ประเทศเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด- 19