นิวส์ คอนเน็คท์ - AIT ตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโตแบบคอนเซอร์เวทีฟ 5% หรือแตะที่ระดับ 6,800 ล้านบาท ลุยขยายตลาดด้านเทคโนโลยี ตุน Backlog ในมือกว่า 7,800 ล้านบาท เล็งคว้างานใหม่ 300 ล้านบาท จ่อบุ๊ครายได้จากการขายหุ้นใน Genesis Data Center ไตรมาส 1/65

เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2565 นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT เปิดเผยว่า ตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโตแบบคอนเซอร์เวทีฟ 5% หรือแตะที่ระดับ 6,800 ล้านบาท โดยจะมุ่งเน้นตลาดด้านเทคโนโลยี Cloud Platform, Big Data Analytics, SDN, Cyber Security, และ IOT เพิ่มเติมจากธุรกิจขายระบบโครงสร้างพื้นฐาน ICT ต่างๆ นอกจากนั้นบริษัทยังจะสร้างรายได้จากธุรกิจก่อสร้างต่างๆ เช่น Data Center, สถานีไฟฟ้าย่อย (Electrical Substation), และนำสายสื่อสารลงดิน เป็นต้น

ขณะเดียวกันปัจจุบันมีงานที่รอส่งมอบ (Backlog) ประมาณ 7,800 ล้านบาท อีกทั้งยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้าอีกประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานจากภาครัฐและองค์กร

นอกจากนี้บริษัทได้ดำเนินการขายหุ้นบริษัท เจเนซิส ดาต้า เซ็นเตอร์ จำกัด (Genesis Data Center) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง 3 บริษัท ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ โดย บมจ. แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี (AIT) มีสัดส่วนโครงสร้างการถือหุ้น 1 ใน 3 ของหุ้นทั้งหมด โดย AIT ได้ขายหุ้นในสัดส่วน 33.33% ให้กับ ETIX Everywhere (ETIX) ในราคา 182 ล้านบาท (รวมคืนเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้น) บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้ หลังหักต้นทุนและค่าใช้จ่ายเข้ามาในไตรมาส 1/65 ซึ่งทำให้บริษัทฯ จะนำเงินดังกล่าวไปลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ หรือมองหาโอกาสทางธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท

ในปี 65 และอีก 3 ปีข้างหน้า มองภาพรวมว่า องค์กรต่างๆ มองหาเทคโนโลยีที่สามารถประมวลผลแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการนำข้อมูลต่างๆ ไปปรับใช้สำหรับกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทำให้มีข้อมูลจำนวนมหาศาลเกิดขึ้น และเพื่อ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล คาดว่าจะมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยประเมินภาพตลาดรวมจะขยายตัวกว่า 9-10% ต่อปี เนื่องจากหลายภาคธุรกิจเร่งปรับโครงสร้างองค์กรที่เน้นขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น 

โดยเฉพาะในส่วนธุรกิจ บริการดิจิทัล คาดว่าจะขยายตัวในอัตรา 11 -12% ต่อปี โดยมีปัจจัยหนุนหลักจาก 1) การพัฒนาโครงข่ายเทคโนโลยี 5G ภายใต้ แผนยุทธศาสตร์ของภาครัฐที่จะเชื่อมโยงสัญญาณให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ภายในปี 2565 และ 2) รูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงานที่มีแนวโน้มจะยังคงพึ่งพาบริการผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการซื้อขายสินค้าและข้อมูล ข่าวสารออนไลน์