Phones





SEAFCOสอยงานใหม่400ล. หนุน Backlog แตะ 1.7 พันล.

2022-03-02 20:48:53 300



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – โบรกส่องผลงานปี 65 ของ SEAFCO มีโอกาสฟื้นตัว แม้ผลไตรมาส 4/64 น่าผิดหวัง มองปีนี้รับแรงหนุนจาก Central Embassy ที่ล่าช้า และมีโอกาสจะได้งานรับเหมาช่วงจาก CK ในงานฐานรากเช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกและอื่นๆ ด้านผู้บริหารแย้มไตรมาส 1/65 ได้รับงานใหม่ราว 300-400 ล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินผลงานปี 65 ของบริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO มีแนวโน้มฟื้นตัว แม้ผลงานไตรมาส 4/64 ยังน่าผิดหวังโดยมีผลขาดทุนเป็น 22 ล้านบาท จากที่คาดว่าจะกลับมามีกำไร 7 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำเป็น 8.5% จากที่คาดไว้ที่มากกว่า 9.7% แต่ยังถือว่ามีผลขาดทุนที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน และเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เพราะมีสัดส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารน้อยลงเป็น 8% เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่ 12.7% ขณะที่มีรายได้จากการก่อสร้างและอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่ำลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
 
ทั้งนี้ จากฐานไตรมาส 3/64 มีขาดทุนที่มาก ซึ่งเกิดเหตุการณ์ปิดแคมป์คนงานไป 1 เดือนเพื่อป้องกันโรคระบาดโควิด 19 ส่งผลให้ทั้งปี 64 เป็นขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่คาดว่าจะมีผลขาดทุน 28 ล้านบาท รวมทั้งผลพวงจากงานก่อสร้างที่ลดน้อยลงในช่วงเกิดโรคระบาด ส่งผลให้รายได้ปรับลง 44% จากปีก่อนเป็น 1.4 พันล้านบาท เนื่องจากเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะต่างชาติ ยังผลให้อัตรากำไรขั้นต้นหดตัวลงเหลือเพียง 2.2% เทียบกับปีก่อนที่ 13.5%
 
อย่างไรก็ตาม คาดว่าปี 65 มีโอกาสฟื้นตัว เพราะงาน Central Embassy ที่การก่อสร้างล่าช้าจากปี 64 จะมาหนุนรายได้ปีนี้ อีกทั้งมูลค่างานอยู่ในเกณฑ์สูงเป็น 700 ล้านบาท มากกว่ากึ่งหนึ่งของมูลค่างานในมือปัจจุบัน (Backlog) ที่ราว 1.2 พันล้านบาท และมีโอกาสจะได้งานรับเหมาช่วงจาก CK ในส่วนงานฐานรากเช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งทาง CK ได้เสนอราคาต่ำสุดไปแล้ว รวมทั้งงานที่จะเปิดประมูลต่อไปคือ สายสีส้มตะวันตกซึ่งก็เป็นที่คาดการณ์กันในวงกว้างว่า CK จะได้งาน ต่อเนื่องจากมีส่วนที่จะเชื่อมต่อจากโครงข่ายในปัจจุบัน ทำให้ได้เปรียบเรื่องประหยัดต้นทุน
 
นอกจากนี้ ภาครัฐก็จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็คาดว่าจะมีงานสาธารณูปโภคจากภาครัฐเปิดประมูลออกมาในอนาคตอีกมาก โดยฝ่ายวิจัยได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ถือ” จากเดิม “ขาย” เนื่องจากราคาหุ้นปรับลงมามากแล้ว คาดว่าหลังจากเปิดเมือง สถานการณ์งานก่อสร้างที่เปิดประมูลน้อย และขาดแคลนแรงงานก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งบริษัทได้ให้ข้อมูลว่าเพิ่งจะได้รับงานใหม่ซึ่งจะประกาศผลอย่างเป็นทางการในไตรมาส 1/65 นี้ ราว300-400 ล้านบาท จะส่งผลให้ Backlog เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.7 พันล้านบาท