Phones





GLOCON แจง3แนวทาง ปลดล็อคเครื่องหมาย “C”

2022-03-14 09:27:15 226




นิวส์ คอนเน็คท์ - GLOCON แจง 3 แนวทางปลดล็อคเครื่องหมาย “C” เดินหน้าเพิ่มรายได้แตะ 10,000 ล้านบาทภายใน 5 ปี ยกระดับศักยภาพการผลิตรองรับดีมานส์ตลาด คุมเข้มต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย พร้อมลุยเจรจาทำ M&A ธุรกิจใหม่ๆ เสริมศักยภาพการเติบโตแกร่ง ต่อยอดสู่ Sustainable Food ตอกย้ำวิสัยทัศน์ “ผู้นำอุตสาหกรรมด้านการผลิตอาหารระดับโลก” ผู้บริหาร ยืนยัน ปี 2566 จ่ายปันผลได้ตามแผน 

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2565 นายนพพร ภัทรรุจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกลบอล คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOCON ผู้นำการผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารและบรรจุภัณฑ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่หลักทรัพย์ของบริษัทฯถูกขึ้นเครื่องหมาย “C” จากการมีส่วนผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินประจำปี 2564 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 นั้น ล่าสุดบริษัทฯได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยได้ชี้แจงสาเหตุเกิดจากการปรับกลยุทธ์ในการบริหารงาน ด้วยการตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่าในสินทรัพย์และตั้งสำรองค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตในปี 2564 จากการยกเลิกธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม A&W และ Kitchen Plus ซึ่งเป็นธุรกิจที่ขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง 
แต่ช่วงเดือนมกราคม 2565 บริษัทฯได้รับเงินเพิ่มทุนจากการใช้สิทธิแปลงสภาพตามใบสำคัญแสดงสิทธิ GLOCON-W4 จำนวน 266.40 ล้านบาท และได้รับเงินเพิ่มทุนจากการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering : RO) จำนวน 381.54 ล้านบาท ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เพิ่มขึ้นจาก 914.10 ล้านบาท เป็น 1,562.04 ล้านบาท (ยังไม่รวมผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2565 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565) หรือคิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก 45.91% เป็น 59% ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นกลับมามากกว่า 50% (ปรากฏในงบการเงิน ไตรมาส 1/65) 

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้วางแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพผลการดำเนินงาน ด้วยการผลักดันรายได้เติบโตต่อเนื่องเป็น 3,000 ล้านบาท ในปี 2565 และขยับแตะ 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปี (2565-2570) จากแผนการย้ายโรงงานอาหารแช่แข็งไปยังจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ถึง 3 เท่า เบื้องต้นตั้งเป้ายอดขายจำนวน 1,046 ล้านบาท ในปี 2565 รวมถึงแผนย้ายโรงงานผลไม้อบแห้ง ซึ่งมีระบบสาธารณูปโภคที่ดีมีมาตรฐานระดับสากลรองรับการขยายกำลังการผลิตในอนาคตได้อีกกว่าเท่าตัว ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเป็น 605 ล้านบาทในปี 2565 นอกจากนี้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ยังมีการเติบโตต่อเนื่องคาดรายได้ปี 2565 แตะ 742 ล้านบาท จากการเพิ่มปริมาณการใช้ของธุรกิจในเครือ และการขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับธุรกิจเทรดดิ้ง ที่ยังเติบโตต่อเนื่องจากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งบริษัทฯจะมีการรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหาร ประเภทลูกชิ้นและไส้กรอก ภายใต้แบรนด์ “ลูกชิ้นทิพย์” อีกราว 550 ล้านบาท ในปี 2565 (เริ่มรับรู้ตั้งแต่มีนาคม 2565)  

ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังวางแนวทางลดค่าใช้จ่าย ด้วยการปรับปรุงศักยภาพด้านการผลิตให้มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และเพียงพอต่อความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น พร้อมกับควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้สอดคล้องกับประมาณการรายได้ ควบคู่ไปกับการเดินหน้ามองหาโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น เพิ่มสินค้าให้หลากหลายและตรงต่อความต้องการของลูกค้า รวมถึงการเข้าไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ (M&A) เพื่อเสริมศักยภาพของกลุ่มธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนสู่ Sustainable Food ตอกย้ำวิสัยทัศน์การก้าวสู่ความเป็น “ผู้นำอุตสาหกรรมด้านการผลิตอาหารระดับโลก” ซึ่งจากแผนงานทั้งหมดข้างต้น มั่นใจสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ภายในปี 2566

ปัจจุบัน บมจ.โกลบอล คอนซูเมอร์ แบ่งธุรกิจเป็น 3 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1. ธุรกิจอาหารแปรรูปแช่แข็ง, อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมทาน, ลูกชิ้นทิพย์ และผลไม้อบแห้ง สัดส่วน 73%, 2. ธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกประเภทต่างๆ สัดส่วน 24%, 3. ธุรกิจเทรดดิ้ง สัดส่วน 3%