นิวส์ คอนเน็คท์ – SEAFCO ประกาศรับงานใหม่จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวม 433.80 ล้านบาท ด้านโบรกแนะนำ “ถือ” เคาะเป้าราคา 4.70 บาท มองกำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว คาดฟื้นตัวชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65

เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการรับงานใหม่ในช่วงเดือนมี.ค.65 เข้ามาจำนวน 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานรวม 433.80 ล้านบาท โดยเป็นงานเสาเข็มเจาะแบบกลม ระบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม(Bored Pile) และงานเสาเข็มเจาะแบบเหลี่ยม (Barrete Pile)

สำหรับงานทั้ง 6 โครงการประกอบด้วย โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา, โครงการเอแพค ทาวเวอร์ สุขุมวิท 63, โครงการเนสท์เล่ ลีโอ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ระยอง, โครงการ่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ตอน 2 (เอกชัย 2), โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ตอน 4 (เอกชัย 4) และโครงการโรงแรม บางกอก สาทร

ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังคงแนะนำ “ถือ” SEAFCO โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.70 บาท ซึ่งประเมินว่ากำไรน่าจะถึงจุดต่ำสุดในครึ่งปีหลังของปี 64 ที่ผ่านมา แต่การฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 จะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากงานในมือและอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงน้อยอยู่ท่ามกลางการขาดโครงการสำคัญๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลัง ตามโอกาสในการชนะโครงการสาธารณะใหม่ที่มีอัตรากำไรสูง

โดยปัจจุบัน SEAFCO มีงานมืออยู่เพียง 1,113.46 ล้านบาท แต่คาดว่าบริษัทจะชนะโครงการใหม่เร็วๆ นี้ เช่น ทางยกระดับ (พระราม 2 – บ้านแพ้ว) ในไตรมาส 2/65, รถไฟฟ้าสายสีม่วง ในไตรมาส 3/65 และรางคู่ (เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ) จะเริ่มรับรู้รายได้เร็วสุดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 รวมทั้งยังอยู่ระหว่างการประมูลโครงการใหม่ มูลค่ารวม 8,930ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมโครงการเมกะโปรเจ็กต์ โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการสาธารณะต่างๆ เช่น รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟสายสีส้ม

ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานควรได้รับการแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจาก SEAFCO กำลังจะนำเข้าแรงงาน 100 คนใน 1-2 เดือนข้างหน้า และอีก 100 คนในภายหลังเมื่อมีงานในมือเพิ่มขึ้น โดยฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรของ SEAFCO จะค่อยๆ ดีขึ้นในไตรมาสต่อไปเมื่อมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ การปรับปรุงกำไรที่สำคัญควรอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง เมื่องานในมือขยายตัว และรายได้จากโครงการใหม่เริ่มเข้าที่ อัตราการใช้ประโยชน์ที่สูงขึ้นช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น

นอกจากนี้ โครงการใหม่ส่วนใหญ่ในปีนี้ เป็นโครงการสาธารณะเน้นแรงงาน ซึ่งให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้น หนุนอัตรากำไรรวมขั้นต้น สำหรับโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับกลุ่มเซ็นทรัล หากเซ็นทรัล เอ็มบาสซี สามารถเริ่มดำเนินการได้ในระยะอันใกล้นี้จะช่วยหนุนกำไร โดยสรุปคาดว่าปีนี้จะดีกว่าปี 64 และตั้งเป้ารายได้ค่าก่อสร้างอย่างน้อย 1,600 ล้านบาท รองรับการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้น