Phones





BAYเข็นสินเชื่อโค้งแรกโต2% หนุนกำไรแตะ 7.4พันล.

2022-04-20 20:45:37 214



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – BAY ไม่หวั่นปัญหาเศรษฐกิจ หลังยังผลักดันสินเชื่อในไตรมาส 1/65 เติบโต 2% รับแรงหนุนจากความต้องการใช้สินเชื่อของธุรกิจรายใหญ่ และเอสเอ็มอี หนุนผลประกอบการไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ จำนวน 7,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
 
เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2565 นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ภาพรวมสินเชื่อในช่วงไตรมาส 1/65 ยังคงมีการขยายตัวได้ดี แม้จะเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน และปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่ธนาคารยังมุ่งเน้นการสนับสนุนการฟื้นฟูภาคธุรกิจและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จึงทำให้สินเชื่อขยายตัวได้ 2.0% จากความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่ และสินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง
 
ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/65 ภายใต้ภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนับแต่ต้นปี 65 ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากปัจจัยสนับสนุนจากภาคการส่งออก ควบคู่ไปกับมาตรการทางเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายภายในประเทศ จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม วิกฤตความขัดแย้งด้านภูมิศาสตร์การเมืองในปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยผ่านการปรับขึ้นของราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ และอุปสงค์จากต่างประเทศที่ชะลอลง กรุงศรีจึงปรับประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 65 เป็น 2.8% จากเดิมที่ 3.7%
 
สำหรับผลประกอบการของธนาคารในงวดไตรมาส 1/65 มีกำไรสุทธิ จำนวน 7,418 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 และเพิ่มขึ้น 14.0% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงานและการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
 
ขณะที่เงินให้สินเชื่อรวมยังคงเติบโตได้ที่ 2.0% ในไตรมาส 1/65 จากความต้องการสินเชื่อของธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ่งเติบโตถึง 3.9% และ 4.0% ตามลำดับ สะท้อนความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยตัวชี้วัดด้านคุณภาพสินทรัพย์ยังคงแข็งแกร่งจากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 2.03% และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ในระดับสูงสุดที่เคยบันทึกที่ 191.6% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.28% เทียบกับ 3.41% จากไตรมาสก่อนหน้า
 
ในส่วนของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 502 ล้านบาท หรือ 5.7% จากไตรมาส 4/64 โดยมีปัจจัยหลักมาจากลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจากกิจกรรมทางธุรกิจของลูกค้าตามฤดูกาลในไตรมาสที่ผ่านมา อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 42.7% ลดลงจาก 43.9% ในไตรมาส 4/64 สะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายของอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้สำหรับปี 65 ในช่วงกลางของ 40%
 
อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับสูงสุดที่เคยบันทึกที่ 191.6% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 184.2% ณ สิ้นเดือนธ.ค.64 อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) ยังคงแข็งแกร่งอยู่ที่ 18.25% เทียบกับ 18.53% ณ สิ้นปี 64