นิวส์ คอนเน็คท์ – GSTEEL ไอเดียบรรเจิด แปลงหนี้เป็นทุน เจรจาเจ้าหนี้รายใหญ่เข้าร่วมเป็นผู้ถือหุ้น หวังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 11 ตุลาคมนี้ มองได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย และลดความเสี่ยงจากการถูกเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น พร้อมวางเป้ายอดขายปี 63 ทำได้เฉียด 780,000 ตัน หลังเตรียมสภาพคล่อง 89 ล้านเหรียญสหรัฐรองรับการผลิต

เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 นางสาวสุนทรียา วงศ์ศิริกุล กรรมการบริหาร บริษัท จี สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ GSTEEL เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท ด้วยวิธีการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ โดยบริษัทคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น เนื่องจาการดำเนินการแปลงหนี้เป็นทุนดังกล่าวจะช่วยแก้ปัญหาส่วนทุนที่ติดลบมาตั้งแต่ปี 60 ให้สามารถกลับมาเป็นได้โดยเร็ว และป้องกันการถูกเพิกถอนหุ้น GSTELL ออกจากตลาดหลักทรัพย์

สำหรับโครงการแปลงหนี้เป็นทุนดังกล่าวนั้น บริษัทได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้จำนวน 8 ราย ซึ่งถือเป็นกลุ่มเจ้าหนี้รายใหญ่และมียอดหนี้รวมที่จะทำการแปลงเป็นทุนในครั้งนี้จำนวน 9,277 ล้านบาท คิดเป็น 48.99% ของหนี้สินทั้งหมดของบริษัท โดยราคาแปลงหนี้เป็นทุนจะอยู่ที่ 0.19 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทยังจะได้รับการปลดหนี้ในส่วนของดอกเบี้ยคงค้างและภาษีอีกจำนวน 5,032 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากบริษัทได้รับการอนุมัติการแปลงหนี้เป็นทุนในครั้งนี้จากผู้ถือหุ้น จะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อทุน (D/E) พลิกกลับมาเป็นบวก 1.79 จากปัจจุบันที่ติดลบ 4.89 และยังช่วยให้ส่วนของผู้ถือหุ้นพลิกกลับมาเป็นบวก 5,377 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ติดลบอยู่ราว 3,850 ล้านบาท รวมทั้งจะทำให้ขาดทุนสะสมลดลงมาอยู่ที่ 23,890 ล้านบาท จากปัจจุบันมีผลขาดทุนสะสม 28,921 ล้านบาท เนื่องจากได้รับประโยชน์จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยคงค้างและภาษีที่จะหมดไป

“เรามองหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อปี 60 ผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติแผนแปลงหนี้เป็นทุน และปี 61 เรายื่นเรื่องขอฟื้นฟูกิจการ ซึ่งศาลล้มละลายกลางก็ยกคำร้อง แต่ครั้งนี้เราได้มีการเจรจากับเจ้าหนี้รายใหญ่จำนวน 8 ราย เพื่อขอทำการแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับโครงการนี้ เพราะดีกว่ามารอให้เราชำระหนี้ที่ใช้เวลานานกว่า ส่วนบริษัทก็ได้ประโยชน์ในเรื่องส่วนของผู้ถือหุ้นและ D/E ที่กลับมาบวก เพื่อให้เราไม่ถูกเพิกถอนจากตลาดหุ้น” นางสาวสุนทรียา กล่าว

ในส่วนของแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทหลังจากนี้ มั่นใจว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยรายได้เฉพาะในส่วนของ GSTEEL ในปี 62 น่าจะทำได้ราว 4,000 ล้านบาท และ EBITDA น่าจะติดลบลดลง ก่อนที่จะกลับมาเป็นบวกได้ในปี 63 ตามการเติบโตของรายได้ที่บริษัทคาดว่าจะทำได้ราว 11,000 -12,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเงินทุนไว้แล้วจำนวน 89 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อใช้รองรับการผลิตเหล็กในปี 63 ที่ระดับ 65,000 ตันต่อเดือน

โดยในปี 63 บริษัทคาดว่าจะมียอดขายอยู่ที่ราว 700,000 – 780,000 ตัน เพราะนอกจากการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเงินทุนไว้เรียบร้อยแล้ว ยังมองว่าซัพพลายของทั้งตลาดจะเริ่มทยอยลดลง รวมทั้งบริษัทยังมีแผนการเพิ่มไลผลิตโปรดักส์ใหม่ๆ เช่น เหล็กแผ่นรีดร้อนที่สามารถรองรับความดันสูงที่ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตถังแก๊ซ ซึ่งปัจจุบันได้มีการรับออเดอร์จากลูกค้าเข้ามาแล้วจำนวนหนึ่ง และปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรากับพันธมิตรเพื่อผลิตเหล็กแผ่นรีดเย็นเพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มได้รับคำสั่งซื้อในช่วงต้นปี 63

สำหรับกรณีการขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราว (SP) ในหุ้น GSTEEL ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2561 เนื่องจากบริษัทส่งงบการเงินล่าช้านั้น ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการส่งงบการเงินตรงตามกำหนดของตลาดหลักทรัพย์ และคาดว่าหุ้น GSTEEL จะได้รับการปลดเครื่องหมาย SP หลังจากบริษัทส่งงบการเงินไตรมาส 3/62 ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นวันใด เพราะต้องขึ้นอยู่กับทางตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้พิจารณา