Phones





‘TVD’ ทรานส์ฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่ ปรับโครงสร้างสู่ ‘โฮลดิ้งส์’

2022-06-02 20:26:49 1396



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – TVD ทรานส์ฟอร์มธุรกิจครั้งใหญ่สู่ซุปเปอร์ โฮลดิ้ง คัมปานี ที่ประชุมบอร์ดอนุมัติเปลี่ยนแปลงชื่อเป็น “ทีวีดี โฮลดิ้งส์” เตรียมรุกปรับโครงสร้างธุรกิจ B2B และ B2C และเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ด้าน Blockchain Technology ใช้งบลงทุนรวม 55 ล้านบาท เดินแผนเพิ่มทุนอีกไม่เกิน 30% ของทุนจดทะเบียน   
 
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2565 นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) ชุดใหม่ของบริษัท เมื่อวันที่ 30 พ.ค.65 มีมติอนุมัติวาระการประชุมที่สำคัญในหลายประเด็น เพื่อให้เป็นไปตามแผนธุรกิจที่จะปรับโครงสร้างบริษัทไปสู่การเป็น Super Holdings โดยจะมีทั้งการปรับ เปลี่ยน ลด เพิ่ม ครบทุกรายละเอียด เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และนำบริษัทกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง รวมทั้งได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็น บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVDH
 
“นอกจากการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทแล้ว บทบาทใหม่ของ TVDH จะมุ่งให้การสนับสนุนทุกบริษัทในเครือทั้งด้านการเงิน การจัดสรรเงินลงทุนในธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะมีการถ่ายโอนอำนาจการบริหารงานในแต่ละบริษัทเพื่อให้เกิดความคล่องตัวและก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ซึ่งรูปแบบการบริหารงานที่มีลักษณะเป็น Modular จะทำให้แต่บริษัทเกิดความคล่องตัว และ Resilience แต่ TVDH ซึ่งเป็นโฮลดิ้งคัมปานีจะดูแลบริษัทในเครืออย่างใกล้ชิดและพร้อมให้การสนับสนุนตลอดเวลา เชื่อว่าแนวทางนี้จะทำให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วมากขึ้น” นายพงษ์ภาณุ กล่าว
 
นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD กล่าวว่า จากมติบอร์ดในหลักการปรับโครงสร้าง โดยบริษัทได้เตรียม Spin Off ธุรกิจ B2C และตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด โดยมี TVDH ถือหุ้น 100% เพื่อดำเนินธุรกิจการตลาดแบบตรงผ่าน 3 ช่องทางหลัก ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ, ทีวีช้อปปิ้ง และคอลล์เซ็นเตอร์ พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนระบบเทคโนโลยีใหม่ทั้งหมด ทั้งระบบการทำงานกลาง ระบบ Live Commerce เพื่อให้เกิดกระบวนการทำงานที่สั้นลง สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงจัดสรรบุคลากรใหม่ให้เกิดความคล่องตัว อย่างไรก็ตามจากการเกิด Disruption ที่มีผลให้จำนวนคนดูทีวีลดลง โดยเฉพาะกลุ่มดาวเทียมและการเกิดคู่แข่งรายใหม่ จึงคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะติดลบลดลง และเข้าสู่จุด Break Even ภายในไตรมาส 3/65 นี้ 
 
สำหรับธุรกิจ B2B นั้น ที่ประชุมบอร์ดมีมติให้ TVD เข้าซื้อหุ้นรายย่อยของบริษัท เอบีพีโอ จำกัด (ABPO) ทั้งหมด 22.69% ในราคา Fair Value เป็นจํานวนเงินทั้งสิ้น 44,192,247 บาท ซึ่งจะทําให้การดำเนินงานต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลเรื่อง Inter - Related Transaction และทําให้การดำเนินงานและการลงทุนโดย TVDH สามารถทําได้ทันทีเนื่องจากเป็นโฮลดิ้งส์ที่ถือหุ้น 100% 
 
นอกจากนี้ ที่ประชุมบอร์ดยังมีมติอนุมัติหลักการเข้าซื้อหุ้นอีก 2 บริษัท ที่ ABPO ลงทุนอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ 1) บริษัท ทีวีดี โบรกเกอร์ จํากัด ซึ่งดำเนินธุรกิจนายหน้าประกันภัย มีทุนจดทะเบียน 55 ล้านบาท โดยได้ว่าจ้างบริษัท Capital Advantage ทำการประเมินราคา Fair Value ตามหลักการซื้อทรัพย์สิน ซึ่งจะต้องรอรายการสรุปสุดท้ายกลางเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อดําเนินการตามขั้นตอนซื้อกิจการต่อไป และ 2) บริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เป็น matching fund โครงการแรกด้วยทุน matching 45 ล้านบาท โดยปัจจุบัน ABPO ถือหุ้น 10.10% คิดเป็นเงินลงทุน 15 ล้านบาท และบริษัท ฟู้ด ออเดอรี่ ได้ระดมทุน Crowdfunding กับ Sinwattana, Platform ซึ่งได้รับอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. ในราคาหุ้นละ 3,400 บาท และมีผู้ลงทุนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตามหลัก Share Base ทาง TVDH จะซื้อเงินลงทุนจาก ABPO เป็นวงเงินทั้งสิ้น 34 ล้านบาท ซึ่งจะทําให้ ABPO มีกําไรจากการขายเงินลงทุนประมาณ 19 ล้านบาท และหลังจากนี้บริษัทจะไม่ต้อง Double Consolidation อีกต่อไป ส่งผลให้การทํางานจะมีความชัดเจนมากขึ้น
 
สำหรับการลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคตอย่าง Blockchain Technology ได้แก่ การลงทุนใน Tokenization (สินทรัพย์ดิจิทัล) and Crypto (สกุลเงินดิจิทัล) จะใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 55 ล้านบาทใน 3 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการ Crypto Mining จะใช้เงินลงทุนก้อนแรก 25 ล้านบาท โดยจากการคํานวณความสามารถของเทคโนโลยีเครื่องขุดและราคาของสกุลเงิน BITCOIN ในปัจจุบันที่ช่วงราคาประมาณ 25,000 - 30,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 BITCOIN จะยังมีผลกําไรไม่มาก อย่างไรก็ตามเมื่อราคา BITCOIN มีมูลค่ามากกว่า 30,000 เหรียญสหรัฐต่อ 1 BITCOIN ขึ้นไป จะสามารถสร้างกำไรได้ประมาณ 18 - 25% และบริษัทฯ เตรียมขยายการลงทุนเครื่องขุดชุดที่สองอีก 25 ล้านบาท สําหรับเทคโนโลยีใหม่ที่กําลังจะออกมาปลายปีนี้
 
2) ร่วมลงทุนในโครงการ Node Validator หรือผู้ตรวจสอบธุรกรรมบน Block Chain ของ BITKUB ซึ่งจะเป็น 1 ใน 10 NODE ที่ได้รับเลือกในรอบปี 65-66 โดยจะทําหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง (Validation) เพิ่มเติมสําหรับบัญชี แยกประเภท (Ledger) ทําให้ทุกคนสามารถดูธุรกรรมหรือข้อมูลที่ดําเนินการหรือเก็บไว้ในเครือข่ายได้อย่างโปร่งใส ทําให้แน่ใจว่าระบบ Blockchain ของ Kub มีความถูกต้อง ปลอดภัยและสามารถเข้าถึงได้โดยบุคคลที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนจากการเป็น Node Validator ประมาณ 12% ของจํานวนเหรียญ KUB ที่ลงทุน หรือประมาณ 15,000 เหรียญต่อปี จากจำนวนทั้งหมดที่ลงทุน 125,000 เหรียญ ซึ่งบริษัทจะใช้เงินลงทุน 15 ล้านบาท ในช่วง 12 เดือนนับจากนี้ไป
 
3) โครงการ POS (Proof of Staking) ซึ่งเป็นระบบปันผลแบบ PASSIVE INCOME ในโลกของ CRYPTO โดยเป็นการวางเงินค้ำประกันเพื่อได้รับเหรียญโดยไม่ต้องทําการขุด ทั้งนี้โดยปกติการถอดรหัสแบบ Proof of work เป็นการขุดเหรียญแบบทั่วไป แต่ POS เป็นการวางเงินค้ำประกัน ดังนั้นบริษัทฯ จึงไม่ต้องขุดและไม่ต้องถอดรหัส ส่งผลให้ธุรกรรมของ BLOCKCHAIN นั้นๆ ทําได้อย่างรวเร็วขึ้นยิ่งมาก โดยบริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นในส่วนนี้ 15 ล้านบาท 
 
ทั้งนี้ บริษัทจะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 30 มิ.ย.65 ในรูปแบบออนไลน์ โดยจะมีการนําเสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อมอบอํานาจให้คณะกรรมการมีอํานาจดําเนินการ (General Mandate) เพิ่มทุนอีกไม่เกิน 30% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ณ วันที่ 30 พ.ค.65 คิดเป็นจํานวนหุ้นที่ 513,460,001 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธีเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (RO) มีระยะเวลากำหนดภายใน 12 เดือนนับจากนี้ เพื่อใช้รองรับการลงทุนต่างๆ ต่อไป