Phones





TKN เดินหน้ายุทธ์‘GO Board’ เจาะตลาดสหรัฐ-แคนาดา

2022-07-25 17:58:15 175



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - TKN เดินหน้ากลยุทธ์ “GO Board” ต่อยอดขยายฐานธุรกิจ พัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ มุ่งขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ เตรียมเพิ่มช่องทางขายผ่านห้างเทรดเดอร์โจส์ ในสหรัฐฯ หลังยอดคำสั่งซื้อแบรนด์ “NORA”ในไตรมาส 2/65 เติบโตเกือบ 60% พร้อมขยายตลาดแบรนด์ “NORA” สู่แคนาดา ผ่านการวางจำหน่ายสินค้าในห้างคอสโค   
 
เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั่วโลกทยอยคลี่คลาย มีการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเปิดประเทศรับชาวต่างชาติ ส่งผลดีต่อกำลังซื้อฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งในช่องทางจัดจำหน่ายแบบ Modern Trade (MT) และ Traditional Trade (TT) โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 ที่คาดว่าจะมีอัตราเติบโตเป็นเลข 2 หลัก ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งต้องติดตามปัจจัยต่างๆ โดยเฉพาะสถานการณ์เงินเฟ้อที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวยังไม่กระทบกับบริษัท เนื่องจากได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งดำเนินกลยุทธ์ “Go Firm” มุ่งปรับองค์กรให้กระชับ (Lean) คล่องตัวและรวดเร็วขึ้น เพื่อลดต้นทุน ทำให้บริษัทปรับตัวได้เร็วและมีความยืดหยุ่นพร้อมรองรับแผนงานในอนาคต 
 
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจให้กว้างขึ้น ภายใต้กลยุทธ์ต่อไปคือ “GO Board” หรือการขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้น โดยไม่ได้จำกัดการผลิตและจำหน่ายสินค้าในรูปแบบเดียว แต่จะพัฒนาสินค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยมุ่งเน้นขยายตลาดในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพ ได้แก่ ประเทศจีน ที่หลังเริ่มมีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์ ส่งผลให้มียอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่ายอดคำสั่งซื้อจากประเทศจีนในครึ่งปีหลังของปี 65 จะเข้ามามากกว่า 100 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน สูงกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดคำสั่งซื้อเฉลี่ย 100 ตู้คอนเทนเนอร์ต่อเดือน รวมทั้งได้แต่งตั้ง General Manager หรือ GM ประจำพื้นที่ เพื่อเป็นคีย์แมนที่สำคัญในการบริหารจัดการและวางแผนการตลาดควบคู่กับตัวแทนจำหน่ายสินค้าทั้ง 2 รายในประเทศจีน
 
ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ ได้นำแบรนด์ใหม่ภายใต้ผลิตภัณฑ์สาหร่ายของเถ้าแก่น้อยเพื่อทำตลาด ภายใต้ชื่อ “NORA” (โนระ)​ ด้วยการกระจายสินค้าผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด​และซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้มียอดคำสั่งซื้อในไตรมาส 2/65 เติบโตเกือบ 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์  นับตั้งแต่เริ่มทำการตลาดปี 61 ซึ่งหนึ่งในการเติบโตมาจากการที่ TKN มุ่งเน้นเจาะตลาด Mainstream ที่เป็นชาวอเมริกันในท้องถิ่น
 
ทั้งนี้ บริษัทวางแผนเตรียมเพิ่มช่องทางขายผ่านร้านค้าเครือใหญ่อย่าง ‘เทรดเดอร์โจส์’ (Trader Joe's) ที่มีสาขากว่า 500 แห่งในสหรัฐฯ คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในปลายไตรมาส 3/65 หรือ ไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป รวมทั้งได้เริ่มขยายตลาดแบรนด์โนระเข้าสู่ประเทศแคนาดา ผ่านการวางจำหน่ายสินค้าในห้างคอสโค (Costco) โดยบริษัทกำลังมองหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในโซนยุโรปเพิ่มเติมอีกด้วย
 
“ปัจจุบันสินค้าจากเอเชียเข้าไปตีตลาดประเทศในแถบยุโรปมากขึ้น ผ่านการจัดจำหน่ายในร้านโมเดิร์นเทรด ซึ่ง TKN ได้นำแบรนด์ใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์สาหร่ายทำตลาดภายใต้ชื่อ โนระ ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่เป็นสาหร่ายสแน็ค จึงเป็นตลาด Blue Ocean ที่ยังไม่มีคู่แข่ง ประกอบกับชื่อเสียงของเถ้าแก่น้อยที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ส่งผลทำให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งประเมินว่าจะเติบโตเรื่อยๆ ในระยะ 4 - 5 ปีหลังจากนี้ เหมือนกับตลาดในประเทศจีน” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
 
นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าสร้างแบรนด์ต่อเนื่อง ด้วยการทำกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มที่ ผ่านการใช้กลยุทธ์ Idol Marketing ที่สาหร่ายเถ้าแก่น้อยให้น้ำหนักสำคัญมาโดยตลอด และจะเน้นให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนคลับ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มแฟนคลับและลูกค้ามากกว่าการขายของเพียงอย่างเดียว เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโตเหมือนก่อนสถานการณ์โควิด 19 โดยล่าสุดได้ดึง “วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร” นักแสดงหนุ่มสุดฮอตจากซีรีส์ชื่อดังมานั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ 
 
ขณะที่บริษัทได้เพิ่มพอร์ตสินค้าใหม่ๆ ที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในปีนี้ คือ สาหร่ายอบ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัวโดดเด่นที่สุด เนื่องจากเป็นสินค้าทางเลือกเพื่อสุขภาพ และผู้บริโภคคนไทยนิยมทานตามกระแสซีรีย์เกาหลี โดยเพิ่มความเฟรนด์ลี่ให้กับผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าแฟนคลับ จึงได้ร่วมกับ “BT21” ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนของ LINE FRIENDS ที่ออกแบบโดยวงไอดอลเกาหลีชื่อดังระดับโลก “BTS” ซึ่งภายหลังจากวางจำหน่ายก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก จึงคาดว่าจะช่วยผลักดันให้กลุ่มธุรกิจสาหร่ายเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% ในปีนี้ ขณะที่ผลิตภัณฑ์สาหร่ายโรยข้าว แม้เปิดตัวมาได้ไม่นาน แต่ได้รับผลตอบรับน่าพอใจ โดยจะมีการปรับสูตรและพัฒนารสชาติหลากหลายมากยิ่งขึ้น
 
ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางขายผ่านการไลฟ์สด (Live) ตั้งแต่ในช่วงต้นปี 65 ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในตลาด E-Commerce ขณะนี้ โดยดึงเอานักแสดงคู่จิ้นมาเป็นผู้นำเสนอสินค้าผ่านหลายแพลตฟอร์มออนไลน์พร้อมกันในหลายประเทศ เช่น ไทย และจีน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี จึงวางแผนเพิ่มความถี่จากเดือนละ 1 ครั้ง เป็น 2 ครั้ง และคาดว่าจะพัฒนาเป็นอีกหนึ่งช่องทางหลักในการสร้างยอดขายและขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ในอนาคต