Phones





TOP ปี63 ทุ่มลงทุน 1.89 พันล้านเหรียญฯ

2019-10-17 16:18:27 290




นิวส์ คอนเน็คท์ - TOP กางแผนปี 63 อัดงบลงทุน 1.89 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดค่าการกลั่นไตรมาส 4/62 ปรับตัวดีขึ้น รับปัจจัยหนุนไฮซีซั่น มาตรการ IMO ขณะที่โครงการ CFP เริ่มตอกเสาเข็ม แล้วเสร็จปี 66 พร้อมเตรียมต่อยอดเป็นโครงการ Beyond CFP หวังหนุนกำไรเพิ่ม 3 เท่าตัว เป็น 1,000 ล้านเหรียญฯ


เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2572 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ผู้ประกอบการธุรกิจการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันปิโตรเลียมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เปิดเผยในงานแถลงภาพรวมผลประกอบการและแผนการลงทุนที่ศูนย์เอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ ว่า ปี 2563 เตรียมงบลงทุนไว้ราว 1,894 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project) หรือ CFP ราว 1,788 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 400,000 บาร์เรลต่อวัน จาก 275,000 บาร์เรลต่อวัน ที่เหลือเป็นการลงทุนในโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ

โครงการ CFP ปัจจุบันได้ดำเนินการเข้าปรับพื้นที่และตอกเสาเข็มแล้ว แต่จะวางศิลาฤกษ์อย่างเป็นทางการในไตรมาส 1/63 แล้วเสร็จปี 2566 โดยโครงการ CFP ยังจะได้ผลผลิตเป็นแนฟทากว่า 2.2 ล้านตันต่อปี ในจำนวนนี้แบ่งเป็น เฮฟวี่แนฟทา 9 แสนตันต่อปี ไลท์แนฟทา 7 แสนตันต่อปี ที่เหลือเป็น LPG ราว 6 แสนตันต่อปี ดังนั้น จึงต้องพิจารณาพัฒนาต่อยอดเป็นโครงการ Beyond CFP โดยนำผลพลอยได้มาจะเน้นพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มปิโตรเคมี เช่น อะโรมาติกและผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์

อย่างไรก็ตาม โครงการ Beyond CFP อยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทกลุ่ม ปตท. เช่น บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC แต่ก็เปิดโอกาสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรนอกกลุ่มด้วย ทั้งนี้ หลังจากลงทุนโครงการนี้ จะส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นหลัก 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 จากระดับกำไรสุทธิในปี 61 ที่ระดับ 312 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัว สำหรับเงินลงทุน บริษัทมีศักยภาพเพียงพอเนื่องจากปัจจุบันมีเงินสดในมือราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินกู้อีก 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ


ขณะที่ภาพรวมผลประกอบการในปี 2562 คาดว่าจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีกำไรสุทธิ 10,149 ล้านบาท รายได้รวม 393,039 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ทำให้ค่าการกลั่นปรับตัวลดลง ประกอบการมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นประมาณ 30 วัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3-4/62 ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ในช่วงไตรมาส 3/62 อยู่ในระดับ 6.5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนไตรมาส 4/62 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 3/62 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในภูมิภาคขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงเข้าสู่ฤดูหนาว และฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ช่วยสนับสนุนการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ประกอบกับการบังคับใช้กฎระเบียบควบคุมการปล่อยกำมะถันของเรือเดินทะเล (IMO) ในวันที่ 1 ม.ค. 2563 จะเป็นปัจจัยหนุนให้ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่ม่ขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนภาพรวมปี 2563 มั่นใจว่าผลประกอบการจะเติบโตดีกว่าปี 2562 เนื่องจากไม่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น เศรฐกิจโลกมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น และคาดว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะมีความคลี่คลาย รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจาก IMO อีกด้วย และคาดว่ากำลังการกลั่นจะกลับมาอยู่ในระดับ 113% จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 110% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปี 2563 คาดว่าจะเฉลี่ยในระดับ 58-63 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล



#TOP


#ไทยออยล์


#วิรัตน์ เอื้อนฤมิต


#แผนลงทุนปี63


#CleanFuelProject