Phones





LHFG ลุยอัพฐานลูกค้าไต้หวัน คอนเฟิร์มสินเชื่อโต 7%

2022-08-08 19:46:01 280



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - LHFG คงเป้าหมายสินเชื่อปี 65 ไว้ที่ 6-7% แม้ตัวเลขสินเชื่อครึ่งปีแรกเติบโตสูง 8.9% โดยยังคงยึดกลยุทธ์ปล่อยสินเชื่อแบบระมัดระวัง พร้อมตั้งเป้าหมายคุม NPL ปีนี้ไม่เกิน 2.5-2.6% เล็งแผนขยายฐานลูกค้าจากไต้หวันที่เข้ามาลงทุนในไทยกว่า 5,000 ราย
 
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2565 นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไต้หวันกับจีน มองว่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของธนาคาร เนื่องจากคาดว่าอาจจะมีการย้ายฐานการลงทุนเข้ามาในประเทศไทย และเวียดนามเพิ่มมากขึ้น ซึ่งลูกค้าจะมีความต้องการเงินลงทุน หรือ บริการทางการเงินในรูปแบบอื่นๆ โดยในปี 65 ธนาคารตั้งเป้าหมายฐานลูกค้าไต้หวันเติบโต 60% ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าจากไต้หวันเข้ามาดำเนินธุรกิจอยู่ในประเทศไทยประมาณ 5,000 ราย
 
ด้านนางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อในปี 65 ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 6-7% แม้ตัวเลขสินเชื่อในช่วงครึ่งปีแรกจะสามารถเติบโตได้ถึง 8.9% แต่มองว่าตลาดยังมีความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไต้หวันกับจีน และรัสเซียกับยูเครน รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ซึ่งธนาคารยังจำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาสินเชื่อ
 
สำหรับกลยุทธ์ทางด้านสินเชื่อของธนาคารจะยังเน้นการขยายสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น สินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อดิจิทัล เรดดิ้ง ซึ่งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาธนาคารได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ Ascend ในการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวไปแล้วประมาณ 180 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อของธนาคารในปัจจุบันแบ่งเป็น สินเชื่อรายย่อย 17%, สินเชื่อเอสเอ็มอี 37% และสินเชื่อรายใหญ่ 46%
 
ทั้งนี้ ธนาคารจะมีการนำระบบ Robotic Process Automation (RPA) มาใช้เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน และช่วยให้เกิดความคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งธนาคารอยู่ระหว่างพัฒนาบริการใหม่บนแพลตฟอร์ม Profita คือ บริการ ROBO Advisor เป็นบริการวางแผนการลงทุน และจัดพอร์ตการลงทุนแบบอัตโนมัติที่ออกแบบ ซึ่งคัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน โดยจะมีการติดตามและปรับสัดส่วนการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการ ROBO Advisor ภายในไตรมาส 4/65
 
ในส่วนของอัตราส่วนสำรองต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (Coverage Ratio) สิ้นปี 65 คาดว่าจะอยู่ที่ 200% จากปัจจุบันอยู่ที่ 196% รวมทั้งธนาคารตั้งเป้าหมายในการควบคุมอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ในสิ้นปีนี้ไว้ไม่ให้เกิน 2.5-2.6% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.40%
 
“เรายังต้องระมัดระวังในการทำธุรกิจ เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างมากจากต่างประเทศ โดยตอนนี้เรามีการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจเพื่อชดเชยรายได้ในบางธุรกิจที่อยู่ในขาลง ซึ่งสินเชื่อบางตัวที่เติบโตได้ดีอย่างสินเชื่อรายย่อยอาจจะมีการปรับตัวเลข แต่ในส่วนของสินเชื่อธุรกิจยังต้องติดตามสถานการณ์ และต้องดูแลลูกค้าบางส่วนที่ยังอยู่ในมาตรการขอรับความช่วยเหลือ โดยมีสัดส่วน 14% ของพอร์ตจากเดิมที่ 40%” นางสาวชมภูนุช กล่าว
 
นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญกับความผันผวน และมีปัจจัยกดดันต่างๆ เข้ามาค่อนข้างมาก ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่าง ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงการลดขนาดสินทรัพย์ของธนาคารกลางในประเทศที่พัฒนาแล้ว
 
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ยืดเยื้อของสงครามรัสเซียและยูเครน รวมถึงประเด็นความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ ๆ ของประเทศขนาดใหญ่ที่กดดันทำให้ตลาดเกิดความผันผวนมากในปีนี้ ซึ่งมีผลกระทบค่อนข้างมากในหุ้นกลุ่ม Growth ที่ราคาปรับตัวลดลงมาก และ ทาง LH Fund มีกองทุนรวมหุ้นกลุ่ม Growth ที่เสนอขายอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ได้รับผลกระทบในด้านมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ที่ลดลงไปในช่วงที่ผ่านมา
 
โดย AUM ในปัจจุบันปรับลดลงมาที่ระดับ 7.9 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งในช่วงนี้มองว่านักลงทุนยังคงชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของปัจจัยต่าง ๆ ไปก่อน โดยเฉพาะปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุนค่อนข้างมาก แต่มองว่าในช่วงปลายปีนี้นักลงทุนจะเริ่มทยอยกลับมาลงทุนอีกครั้ง และ ภาวะของตลาดหุ้นจะค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัวขึ้น หลังจากปัจจัยกดดันต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายลงไป ทำให้มูลค่ากองทุนกลับมาฟื้นตัว รวมถึงนักลงทุนบางรายที่ต้องการซื้อกองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีจะเข้ามาซื้อกองทุนอีกครั้งในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ AUM ในช่วงสิ้นปีนี้จะกลับขึ้นมาตามเป้าที่ระดับ 8.2 หมื่นล้านบาท
 
ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังนี้การมองหาประเทศ และ กลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาสในระยะยาวที่เห็นการเติบโตอย่างมีในการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ และ การลงทุนในหุ้นถือเป็นโอกาสที่ดี หลังจากที่ตลาดปรับตัวลงมาทำให้สามารถเข้าลงทุนในจังหวะที่ราคาเหมาะสม ซึ่งคำแนะนำในการลงทุนนั้นประเทศที่มองเห็นศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว คือ เวียดนาม ซึ่งมีอัพไซด์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงในปัจจุบันและอนาคต และ มูลค่าในปัจจุบันที่ปรับลงมาถือว่าเป็นประเทศที่มีราคาหุ้นที่ยังไม่แพง และ มีโอกาสในอนาคต จึงเป็นประเทศที่แนะนำให้นักลงทุนมองหาจังหวะในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
 
นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Securities กล่าว่า บริษัทประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยตลอดช่วงที่เหลือของปี 65 ไว้ที่ 1,500-1,700 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนจากปัจจัยภายนอกที่เข้ามากระทบ รวมไปถึงการอ่อนค่าของเงินบาท ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติชะลอการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่มองว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงไตรมาส 4/65 ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีแรงซื้อจากสถาบันเข้ามาค่อนข้างมาก
 
สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทนั้น ยังคงตั้งเป้าหมายการเพิ่มฐานบัญชีลูกค้าซื้อขายหลักทรัพย์รายใหม่ในปีนี้ไว้ที่ 1,500 บัญชี ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกมีลูกค้าใหม่เข้ามาแล้วประมาณ 600 บัญชี ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมีฐานลูกค้าทั้งหมด 12,000 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่มีการ Active ประมาณ 5,000-6,000 บัญชี หรือคิดเป็นมากกว่า 50%