Phones





BBIK ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เผยแผน 3 ปี เร่งปั้นพอร์ตโฟลิโอ

2022-09-01 18:16:04 230



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - BBIK ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ปักธงเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 70% ด้วยแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีที่เน้นเดินเกมเร็วขยายธุรกิจผ่าน บลูบิค พอร์ตโฟลิโอ มุ่งเน้นการเติบโตแบบ Organic Growth ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างรายได้จากกลุ่มบริการหลักที่มีอยู่ ควบคู่กับการสร้างการเติบโตแบบ Inorganic Growth
 
เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ธุรกิจครั้งใหญ่ ด้วยแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีที่เน้นเดินเกมเร็วขยายธุรกิจผ่าน บลูบิค พอร์ตโฟลิโอ ซึ่ง นอกจากจะทำให้บริการของบริษัทครอบคลุมทุกแง่มุมของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแล้ว ยังสามารถตอบโจทย์ลูกค้าองค์กรตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงใหญ่ ดังนั้นนับจากนี้ทิศทางการเติบโตของบริษัทฯ จะมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้นโดยเฉพาะในมิติของการสร้างรายได้และการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งภายใต้กลยุทธ์การเติบโตนี้ จะประกอบไปด้วย 4 แผนงานหลัก ดังนี้
 
1. ขยายธุรกิจบริการหลักให้ครบวงจรเป็น Truly End-to-End Services มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ทุกมิติความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของลูกค้า ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการให้บริการควบคู่กับการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มบริการหรือเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญหลังจากเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัล (Post Digital Transformation) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตเชิงรายได้ให้กับบริษัท โดยล่าสุดได้มีการขยายบริการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) เนื่องจากองค์กรธุรกิจเริ่มเห็นความสำคัญในเรื่องการลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ที่ไม่น้อยไปกว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน จึงได้จัดตั้งบริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว
 
2. ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นเทรนด์แห่งโลกอนาคต เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ ผ่านการให้บริการที่เกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์มและไอทีโซลูชันที่สามารถรองรับความต้องการและเทรนด์ธุรกิจใหม่ เพื่อปูทางสู่การสร้างรายได้แบบประจำ (Recurring Income) และขยายฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ โดยบริษัทเห็นโอกาสในการเติบโตจากธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เข้ามาสนับสนุนกการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันและเทรนด์การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ทำให้บริษัทได้มีการอนุมัติจัดตั้ง บริษัท บลูบิค เน็กซัส จำกัด เพื่อรุกธุรกิจด้านพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและบล็อกเชนโซลูชัน (Digital Platform and Blockchain Solutions)
 
3. ขยายธุรกิจต่างประเทศ ตอกย้ำมาตรฐานการให้บริการระดับสากล เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของบริษัท เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่และมีความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการรุกตลาดต่างประเทศนี้ บริษัทจะใช้จุดแข็งด้านศักยภาพของบุคลากรไอทีผนวกกับข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการให้บริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ซึ่งล่าสุดมีการขยายธุรกิจบริการด้านพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ไปยังตลาดยุโรป ผ่านการจัดตั้ง บริษัท บลูบิค (สหราชอาณาจักร) จำกัด ที่สหราชอาณาจักร และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศเพิ่มเติม
 
4. สร้างการเติบโตผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) และกิจการร่วมค้า (JV) มากยิ่งขึ้น โดยบริษัทจะโฟกัสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่สามารถต่อยอดด้านบริการและธุรกิจ (Synergy) ซึ่งแผนการเติบโตนี้ยังเป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนแผนงานอื่นที่ได้กล่าวมาข้างต้นและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจกับพันธมิตรในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดร่วมกัน
 
“จากแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจทั้ง 4 ด้าน ผนวกกับจุดแข็งของบริษัทฯ ที่ประกอบด้วย ความรู้ความเข้าใจทั้งในด้านธุรกิจและเทคโนโลยีขั้นสูงที่ครอบคลุมตั้งแต่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี การพัฒนาซอฟต์แวร์และดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงข้อได้เปรียบจากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับและมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีชาวต่างชาติจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถเดินตามแผนเพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและยั่งยืนได้อย่างแน่นอน” นายพชร กล่าว
 
ขณะเดียวกัน การเป็น “Truly End-to-End Digital Transformation Partner” ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจของบลูบิค โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่องค์กรธุรกิจไทยและต่างประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ด้วยเหตุนี้บลูบิคจึงไม่หยุดพัฒนาบริการ สรรหาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถพลิกโฉมทางธุรกิจ สร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีตลอดจนสร้างรายได้และกำไรได้อย่างต่อเนื่องในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้ในที่สุด
 
ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการปี 65 จะเติบโตอย่างโดดเด่นไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งปัจจุบันมีงานรอรับรู้รายได้(Backlog) สะสมแล้ว 448 ล้านบาทโดยจะมียอดรับรู้รายได้ของปีนี้ถึง 226 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี 65 บริษัทมีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 126.9 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) ราว 46% ของรายได้รวม