Phones





MTCไม่หวั่น สคบ.ปรับเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อ คอนเฟิร์มผลงานโต 30%

2022-10-05 20:16:01 186



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - MTC ไม่กังวลหลัง สคบ.ประกาศปรับเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อ เผยปัจจุบันคิดอัตราดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ มั่นใจการปรับเพดานดอกเบี้ยครั้งนี้ไม่กระทบธุรกิจ เพราะเน้นปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันกว่า 80% ขณะที่ยอดสินเชื่อเช่าซื้อมีเพียง 5% ของพอร์ตรวม มั่นใจผลงานปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย 30%
 
เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2565 นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า จากการประกาศควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ยธุรกิจลิสซิ่งเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ โดยคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) พิจารณาปรับเพดานอัตราดอกเบี้ย ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ไม่เกิน 23%, รถยนต์มือหนึ่งไม่เกิน 10% และรถยนต์มือสองไม่เกิน 15% เพื่อกำกับดูแลการประกอบธุรกิจลิสซิ่งนั้น บริษัทไม่กังวลกับประกาศปรับเพดานอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เนื่องจากไม่ได้ส่งผลกระทบกับธุรกิจมากนัก
 
โดยปัจจุบันสินเชื่อหลักของบริษัทยังคงเน้นไปที่การปล่อยประเภทสินเชื่อที่มีหลักประกันที่มีพอร์ตสินเชื่อมากกว่า 80% ขณะที่ประเภทสินเชื่อเช่าซื้อรถนั้น บริษัทเปิดให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มือหนึ่งเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคิดดอกเบี้ยประมาณ 23% อยู่แล้ว ซึ่งจะเห็นว่าอยู่ในระดับเดียวกับเพดานอัตราดอกเบี้ยที่ สคบ. พิจารณากำหนด อีกทั้งปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อดังกล่าวมีเพียง 5% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัท
 
ขณะเดียวกันการปรับเพดานดอกเบี้ยธุรกิจลิสซิ่ง ไม่ได้กระทบต้นทุนการดำเนินธุรกิจลิสซิ่งของบริษัทแต่อย่างใด ประกอบกับบริษัทได้วางแผนรับมือการบริหารจัดการต้นทุนการดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินธุรกิจได้ และล่าสุดบริษัทจับมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก 2 แห่ง ได้แก่ องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) และธนาคารซูมิโตโม มิตซุย แบงกิ้ง คอร์ปอเรชั่น (SMBC) สนับสนุนวงเงิน 6,200 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินให้บริษัท พร้อมเดินหน้าลุยปล่อยสินเชื่อแก่ลูกค้า
 
สำหรับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในช่วงที่เหลือของปี 65 ยังอยู่ในทิศทางที่ดี หลังบรรยากาศทางเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น และสถานการณ์ของโรคโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้ความต้องการสินเชื่อ เพื่อการลงทุนในธุรกิจต่างๆ ขยายตัวตามไปด้วย ทำให้มั่นใจว่าในปีนี้พอร์ตสินเชื่อรวมจะเติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบกับปี 64 ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้