นิวส์ คอนเน็คท์ - NER มั่นใจ หลังติดทำเนียบหุ้นยั่งยืน THSI ปี 65 กลุ่มกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โอกาสดึงนักลงทุนสถาบันเข้าลงทุนเพิ่มขึ้น แย้มผลงานไตรมาส 3/65 ยังดี คงเป้ายอดขายทั้งปี 28,000 ล้านบาท โบรกฯ ยังแนะนำ "ซื้อ" คงเป้าราคา 9 บาท

ผู้สื่อข่าว "นิวส์ คอนเน็คท์" รายงานว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ประกาศรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI (Thailand Sustainability Investment) ในปีนี้มีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI จำนวน 170 บริษัท เป็น บจ. ใน SET 157 บริษัท และ mai 13 บริษัท กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีจำนวน บจ. ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มบริการ 33 บริษัท กลุ่มทรัพยากร 28 บริษัท และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง 27 บริษัท โดย บจ. ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน THSI มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 14 ล้านล้านบาท คิดเป็น 72% เมื่อเทียบกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทั้งหมดของ SET และ mai (ณ วันที่ 3 ต.ค. 65) โดยบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ ได้รับการคัดเลือกเข้าดัชนี THSI ในกลุ่มกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารด้วย

ด้านนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เผยว่า การที่บริษัทติดหุ้นยั่งยืน THSI สะท้อนว่า บริษัทเป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องอย่างยั่งยืนครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ซึ่งการติดหุ้นยั่งยืนนับเป็นโอกาสให้นักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างประเทศ สนใจที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทมากขึ้น

สำหรับปี 65 บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่ 460,000 ตัน และรายได้ 28,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน จะเน้นการจำหน่ายสินค้าปลายน้ำ เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้า คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงต้นปี 66 ซึ่งจะทำให้ยอดขายสินค้าปลายน้ำเติบโตมากขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้ ส่วนจำหน่ายแผ่นปูรองปศุสัตว์ ปัจจุบันมีการติดตั้งเครื่องจักรและเริ่มจำหน่ายแล้ว คาดว่าจะอนาคตจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างมีนัยสำคัญ 

ด้าน บล. ดาโอ (ประเทศไทย) หรือ DAOLSEC อัพเดทแนวโน้มธุรกิจของ NER ล่าสุด โดยระบุว่า กำไรในงวดไตรมาส 3/65 จะกลับมาฟื้นตัว ตามฤดูกาลของธุรกิจ และยังมีคำสั่งซื้อตกค้างจากไตรมาส 2 ประมาณ 8,000-10,000 ตัน จะทำให้ปริมาณขายอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 3/64 ซึ่งอยู่ที่ 139,500 ตัน ส่วนราคาเฉลี่ยในไตรมาส 3/65 คาดอยู่ที่ 56-57 บาทต่อกิโลกรัม ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งแรกของปีนี้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจากค่าระวางเรือลดลง ประเมินกำไรสุทธิในปี 65 จะอยู่ที่ 1,941 ล้านบาท เติบโต 5% จากปีก่อน ยังคงแนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมาย 9.00 บาทต่อหุ้น