Phones





THRE ลุยตลาดอาเซียน - ดันบ.ลูก ‘BVG’ เข้า mai ปี 66

2022-11-11 16:26:14 137



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - THRE มองธุรกิจโค้งสุดท้ายปี 65 เติบโตสู่ภาวะปกติ หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 เตรียมแผนขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน พร้อมเตรียมนำบริษัทลูก ‘BVG’ เข้าตลาด mai ช่วงไตรมาส 1/66 ตามแผน ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 พลิกมีกำไร 13 ล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/65 ยังมีทิศทางที่ดี หลังจากบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 แล้ว และบริษัทมีรายได้จากบริษัทย่อยที่มีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่านับจากนี้ไปธุรกิจจะเริ่มกลับมาเติบโตสู่ภาวะปกติได้ สะท้อนจากเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว รวมถึงผู้บริโภคตระหนักถึงการทำประกันภัยด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประกันสุขภาพ กลุ่มธุรกิจประกันภัยอสังหาริมทรัพย์ ประกันภัยรถยนต์ และประกันภัยน้ำท่วม รวมถึงภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้าต่างประเทศ คาดว่าจะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนเตรียมขยายธุรกิจสู่ตลาดอาเซียน เช่น เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต สำหรับความคืบหน้าการนำ บมจ. บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป หรือ BVG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยหลังจากยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปแล้วเมื่อช่วงเดือนก.ย. 65 ที่ผ่านมา ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยคาดว่าจะสามารถเสนอขายหุ้น IPO ช่วงไตรมาส 1/66 
 
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 งบการเงินเฉพาะกิจการพลิกมีกำไรสุทธิ 13 ล้านบาท จากไตรมาส 3/64 ที่มีผลขาดทุน 335 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/65 และมีรายได้จากบริษัทย่อยที่มีผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเข้ามาสนับสนุน ในส่วนของงบการเงินรวมในไตรมาส 3/65 มีเบี้ยประกันภัยต่อรับ 984 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 2/65 ที่ขาดทุน 20 ล้านบาท โดยมีปัจจัยค่าสินไหมจากเหตุการณ์น้ำท่วม และการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากลูกหนี้บริษัทประกันภัยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
 
ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปี 65 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อรับจำนวน 3,216 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิจำนวน 2,932 ล้านบาท ส่วนผลการรับประกันภัยต่อ ปรับตัวดีขึ้น 16% เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบโควิด-19 โดยหากพิจารณากรณีไม่รวมผลกระทบโควิด-19 บริษัทจะมีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนของปี 65 อยู่ที่ 173 ล้านบาท หรือคิดเป็น Combined ratio 93.4% ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 92.3% ซึ่งมาจากประสิทธิภาพของการรับประกันภัยขยายตัวจากส่วนงาน Personal line และ Commercial line ที่มีผลการดำเนินงานที่ดี
 
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 65 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตดีกว่าปี 64 แน่นอน หลังไม่ได้รับผลกระทบโควิด-19 ตั้งแต่ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ยังเติบโตได้ดี ตามการเติบโตของธุรกิจ Non-Conventional หรืองานบริการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับพันธมิตร รวมถึงรายได้ใหม่จากธุรกิจ AI (Artificial Intelligent) ซึ่งคาดว่าจะสามารถเติบโตสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัดส่วนรายได้จากพอร์ตการรับประกันของบริษัท แบ่งเป็น อุบัติเหตุและสุขภาพ 48% กลุ่มรถยนต์ 30% อสังหาริมทรัพย์ 12% ขนส่งสินค้าต่างประเทศ 2% และประกันภัยประเภทอื่น 8%