Phones





InnovestX ส่องเป้าดัชนีปี 66 ที่ระดับ 1,750 จุด แนะแบ่งการลงทุน 2 พอร์ต

2023-01-19 18:35:22 134



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – InnovestX ประเมินกรอบดัชนีปี 66 ไว้ที่ 1,600 – 1,750 จุด มองตลาดหุ้นยังมีความผันผวนทั้งจากปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ โดยเฉพาะปัญหาภาวะเศรษฐกิจถดถอย พร้อมแนะนำแบ่งพอร์ต 70% ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดี ส่วนอีก 30% ลงทุนในหุ้นเก็งกำไร ที่ผลประกอบการมีลุ้นเทิร์นอราวด์  
 
เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) เปิดเผยว่า แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจและการลงทุนปี 2566 ทางฝ่ายวิจัยได้ประเมินโดยแบ่งเป็น 4 ไตรมาส ซึ่งในช่วงไตรมาส 1 ความเสี่ยงด้านนโยบายการเงินตึงตัวแม้จะมีแนวโน้มลดลงแต่ยังคงไม่จบ ขณะที่ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและผลการดำเนินงานชะลอตัวกำลังเพิ่มขึ้น ส่วนการเปิดประเทศของจีนเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยลดความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจชะลอตัวได้บ้าง ส่วนในไตรมาส 2 คาดว่าจะเห็นสัญญาณของเศรษฐกิจและกำไรผ่านจุดต่ำสุด รวมถึงความเสี่ยงของการส่งผ่านผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ราคาพลังงานของสหภาพยุโรป
 
โดยเหตุการณ์สำคัญในไตรมาส 2/66 ที่อาจกระตุ้นให้ตลาดถึงจุดต่ำสุด ได้แก่ 1.นโยบายการเงินที่เริ่มลดระดับการตึงตัว, 2.Real yield กลับมาเป็นบวก ซึ่งหมายความว่าดอลลาร์จะอ่อนค่าลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาด Emerging Market โดยจุดเข้าซื้อที่สำคัญอยู่ระหว่าง 1,550 -1,600 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นน่าจะยังมี downside อีกมากหากเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 2/66
 
ขณะที่ในไตรมาส 3/66 มองว่าตลาดหุ้นไทยจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตได้ดีกว่าสหรัฐ ยุโรป รวมถึงได้รับประโยชน์จากเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชีย และไตรมาส 4/66 ผลตอบแทนของตลาดดูเหมือนจะมีจำกัด เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของปี 2567 กลับมาสู่ภาวะปกติ โดยคาดว่า valuation จะตึงตัวหลังจาก Rally อย่างแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ดัชนีปี 2566 อยู่ที่ 1,750 จุด
 
อย่างไรก็ตาม หุ้นไทยที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว นักเศรษฐศาสตร์ของ InnovestX ประเมินว่า ข้อจำกัดเกี่ยวกับ COVID ส่งผลทำให้ GDP Output ของจีนปรับลดลงราว 4-5% จากระดับ Trend ทำให้ GDP ขยายตัวราว 5% มองว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกต่อการผ่อนคลายนโยบายของจีน เนื่องจากจีนคิดเป็น 1 ใน 3 ของ Traffic และรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทย และจะช่วยกระตุ้นให้เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสุทธิ หากตลาดหุ้นจีนฟื้นตัว ตลาดหุ้นไทยจะได้รับประโยชน์จาก Rally และส่งผลดีต่อ 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มพาณิชย์, ขนส่ง, อาหารและเครื่องดื่ม และท่องเที่ยว เนื่องจากเศรษฐกิจในปี 2566 จะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
 
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2566 ด้วยสภาพตลาดหุ้นที่ยังคงมีความผันผวน จึงแนะนำแบ่งหุ้นเป็น 2 พอร์ต สัดส่วน 70:30 โดยพอร์ตที่ 1 สัดส่วน 70% เน้นหุ้นพื้นฐานดีที่ได้ประโยชน์จากเปิดเมืองของจีนและเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว มีอัตราการเติบโตดีต่อเนื่อง และมีความเป็นหุ้นเชิงรับ ส่วนพอร์ตที่ 2 สัดส่วน 30% เป็นหุ้นเก็งกำไร ที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะเทิร์นอราวด์ได้ในปี 2566 โดยเป็นบริษัทที่ความเสี่ยงด้านฐานะทางการเงินต่ำ โดยหุ้นแนะนำ ในพอร์ตที่ 1 ได้แก่ AOT, BBL, BDMS, CPALL, CRC, GPSC และ SCGP ส่วนในพอร์ตที่ 2 ได้แก่ AU, HANA และ SECURE