Phones





AH โชว์ผลงานนิวไฮ ตั้งเป้ารายได้ปีกระต่ายโต 10-15%

2023-03-01 18:04:10 96



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - AH โชว์งบการเงินปี 65 นิวไฮทั้งรายได้และกำไร หลังธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์-โชว์รูมรถยนต์โตดี ยอดขายพุ่ง ขณะที่บริษัทลูกในโปรตุเกสพลิกมีกำไร ลุ้นรับผลบวกเต็มที่ในปีนี้ พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมปี 66 เติบโต 10-15% ขึ้นแตะระดับ 31,000 ล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 25666 นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,824 ล้านบาท เติบโต 78% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 1,024 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 28,348 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7,381 ล้านบาท เติบโต 35% เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้ 20,967 ล้านบาท ส่วนกำไรหลักสุทธิอยู่ที่ 1,761 ล้านบาท เติบโต 119% จากปีก่อน
 
ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 2565 ที่เติบโตอย่างโดดเด่นทำนิวไฮทั้งรายได้และกำไร มีปัจจัยสนับสนุนมาจากยอดสั่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใหม่ (OEM) เพิ่มมากขึ้น ตามสถานการณ์ขาดแคลนชิปที่คลี่คลายลง และค่ายรถยนต์และรถอเนกประสงค์ เริ่มทยอยเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Car) ควบคู่กับการเปิดตัวรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ประกอบกับธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์มีแนวโน้มที่ดีตามอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวรอบใหม่
 
โดยจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปี 2566 อยู่ที่ 1,950,000 คัน เพิ่มขึ้น 3.5% จากปี 2565 ที่ผลิตได้ 1,883,515 คัน แบ่งเป็นยอดผลิตเพื่อส่งออก 1,050,000 คัน เพิ่มขึ้น 1.2% จากปีก่อนอยู่ที่ 1,037,317 คัน และเป็นยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 900,000 คัน เพิ่มขึ้น 6.4% จากปีก่อนอยู่ที่ 846,198 คัน เนื่องจากปัจจัยบวกจากการส่งออก จีนเปิดประเทศ ทำให้การค้าและท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงไทยจะฟื้นตัว ปัญหาเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เริ่มคลี่คลาย และเศรษฐกิจไทยยังเติบโตระดับ 3%
 
ขณะที่ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ในประเทศไทยยังขยายตัวได้ดี จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และรายได้จากโชว์รูมใหม่มีการรับรู้รายได้เต็มปีในปี 2566 นี้ ประกอบกับการเปิดตัวโชว์รูมรถยนต์ PROTON ที่มาเลเซียในไตรมาส 4/2565 จึงทำให้คาดว่ายอดขายในมาเลเซียปี 2566 จะยังคงเติบโตจากปี 2565 ที่ผ่านมา
 
ในส่วนของบริษัทย่อยที่ประเทศโปรตุเกส ได้ผ่านจุดคุ้มทุนในไตรมาส 3/2565 และพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 4/2565 โดยคาดว่าบริษัทจะเริ่มรับผลบวกเต็มที่ในปี 2566 หลังจากบริษัทปรับราคาขาย และมีรายได้เพิ่มจากการกระจายผลิตภัณฑ์ไปยังธุรกิจที่นอกเหนือจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ได้แก่ ชิ้นส่วนที่ใช้ในธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม ชิ้นส่วนสำหรับอุปกรณ์กีฬา รวมถึงชิ้นส่วนสำหรับรางรถไฟ เป็นต้น ทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2566 บริษัทมองว่ารายได้รวมจะทำนิวไฮต่อเนื่องและเติบโตดีที่สุด โดยตั้งเป้าเติบโต 10-15% จากปี 2565 มาอยู่ที่ระดับ 31,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการได้คำสั่งซื้อใหม่เป็นโมเดล Global Market และธุรกิจ OEM ในประเทศถือเป็นช่วงเปลี่ยนโมเดลสำหรับรถกระบะใหม่ รวมถึงกลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานท่ามกลางวิกฤตต่างๆ ของบริษัท ด้วยวิธีการปรับตัวและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมองหาโอกาสเพื่อต่อยอดธุรกิจอยู่เสมอ
 
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2566 มีมติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.96 บาท ซึ่งคิดเป็นการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2565 ที่ 1.54 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 15 มี.ค. 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 พ.ค. 2566