Phones





JWDสบจังหวะบาทแข็ง ลุยซื้อหุ้นบริษัทตปท.เพิ่ม

2019-11-13 15:00:39 264




นิวส์ คอนเน็คท์ - JWD เผยบาทแข็ง จังหวะเหมาะเข้าซื้อหุ้นในบริษัทต่างประเทศเพิ่ม หวังเสริมทัพธุรกิจในต่างแดน วางงบปีหน้า 1 พันล้านบาท ใช้ขยายธุรกิจทุกภาคส่วน รับสภาพรายได้ปีนี้โตลดลง


เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เหลือโต 12-15% จากเดิมที่คาดโต 15-20% ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว จึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจอาหารที่คาดทำรายได้ทั้งปีอยู่ที่ 600 ล้านบาท จากเดิมคาดทำได้ 1,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน การขนส่งทางรถไฟได้มีการปรับเปลี่ยนค่าระวางในการขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 10% อย่างไรก็ตามธุรกิจอื่นๆ ในพอร์ตยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง


นอกจากนี้ จากภาวะค่าเงินบาทแข็งค่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากธุรกิจในมือสามารถชดเชยได้ทั้งหมด 100% พร้อมทั้งยังเป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัทที่ดำเนินการอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งได้ราคาซื้อในระดับที่เหมาะสม ได้แก่ บริษัท Phonm Penh SEZ Plc. (PPSEZ) จากผู้ถือหุ้นรายเดิม จากปัจจุบันที่บริษัทถืออยู่ทั้งสิ้น 14.6% รวมถึงจะเข้าซื้อหุ้นเพิ่มใน TRANSIMEX CORPORATION ผู้นำให้บริการโลจิสติกส์อย่างครบวงจรรายใหญ่ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม จากผู้ถือหุ้นรายเดิม จากปัจจุบันถืออยู่ทั้งสิ้น 22.77% โดยดีลการเข้าหุ้นดังกล่าว การเจรจาใกล้เสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้


อีกทั้งในไตรมาส 4/62 บริษัทได้ทำการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท โอเชี่ยน แอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (OAI) ซึ่งดำเนินธุรกิจตัวแทนขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ทางทะเล ทางอากาศ (Freight Forwarding) ทำให้บริษัทไร้ซึ่งการรับรู้ผลการขาดทุนทั้งหมดในบริษัทดังกล่าว จากเดิมที่รับรู้ผลขาดทุนทั้งปีราว 6 ล้านบาท


ล่าสุด JWD เพิ่งได้รับเลือกเป็นผู้ประกอบการรายเดียวจากการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ได้รับสิทธิให้บริการยกขนตู้สินค้าคอนเทนเนอร์จากท่าเทียบเรือแม่น้ำ (Barge Terminal) ภายในท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีอายุสัญญาสัมปทานเป็นระยะ 4 ปี คาดว่าจะเริ่มให้บริการในช่วงไตรมาส 1/63 และยังให้ความสนใจขยายธุรกิจเป็นผู้รับดำเนินงานขนถ่ายสินค้าในโครงการ SRTO หรือ Single Rail Transfer Operator ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มปริมาณงานขนส่งสินค้าทางรางและลดต้นทุนการบริการต่อหน่วย (Economy of Scale)


สำหรับแผนปี 63 บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจในประเทศที่ขยายตัวได้ดี พร้อมทั้งธุรกิจต่างประเทศที่เริ่มพลิกมีกำไร และสร้างการเติบโตได้ดีจากการบริหารต้นทุนทุกด้าน รวมถึงฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังได้เตรียมงบลงทุนไว้ 1,000 ล้านบาท เพื่อนำมาขยายในส่วนของธุรกิจ Self-Storage (ห้องเก็บของส่วนตัว) และธุรกิจคลังสินค้าห้องเย็น รวมถึงธุรกิจจัดเก็บและบริหารสินค้าอันตราย ธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ เพื่อให้การบริการคลังสินค้าครบวงจรมากยิ่งขึ้น