Phones





RATCHปี63อัดงบ2หมื่นลบ.ซื้อกิจการ-ลงทุนเพิ่ม

2019-11-15 11:40:15 433




นิวส์ คอนเน็คท์ – RATCH อัดงบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท ทั้งลุยซื้อกิจการ พัฒนาโครงการที่มีอยู่ในมือลั่นปี 66 บรรลุเป้า 10,000 MW ปีหน้าเป้ามีกำลังการผลิตใหม่ 700-800 MW จ่ายไฟเพิ่ม 173.94 MW จ่อสรุปพันธมิตรร่วมทุนโรงไฟฟ้าหินกองปลายปีนี้ พร้อมเซ็นซื้อก๊าซ เล็งเป็นผู้นำเข้า LNG


เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า ในปี 2563 เตรียมงบลงทุน 20,000 ล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นงบสำหรับลงทุนซื้อกิจการราว 14,000 ล้านบาทซึ่งบริษัทเจรจาอยู่หลายโครงการในไทยและต่างประเทศ ทั้งที่เป็นโครงการมีใบอนุญาตซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แต่ยังไม่ได้ก่อสร้าง รวมถึงซื้อโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพื่อให้สามารถรับรู้เป็นรายได้เข้ามาทันที


อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 บริษัทมีเป้าหมายได้กำลังการผลิตใหม่ 700-800 เมกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นการซื้อกิจการ


ส่วนที่เหลือ 6,000 ล้านบาทสำหรับพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในมือ เช่น โครงการโรงไฟฟ้านวนครส่วนต่อขยาย 24 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น 40% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมยานดิน 149.94 เมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยทั้ง 2 โครงการนี้เริ่ม COD ในปี 2563 รับรู้เข้ามาเป็นรายได้ทันที


นอกจากนี้ เป็นการทยอยลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟังเซงกังในประเทศจีน กำลังการผลิต 236 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 10% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนเรียวในประเทศอินโดนีเซีย กำลังการผลิต 145.15 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 49% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมคอลเลกเตอร์ที่ประเทศออสเตรเลีย กำลังการผลิต 226.80 เมกะวัตต์ รวมถึงทยอยลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และโครงการโรงไฟฟ้าสายสีเหลือง


ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังผลิตรวม 9,341 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตที่ COD แล้ว 7,057 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้าง 2,284 เมกะวัตต์ โดยในเดือน ธ.ค.2562 เตรียม COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซเปียน เซน้ำน้อย 102.5 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น แต่จะรับเป็นรายได้ในปี 2563


อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 บริษัทตั้งเป้ามีกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 10,000 เมกะวัตต์ ซึ่งมีโอกาสจะทำได้ก่อนเป้าหมาย


ส่วนผลประกอบการในปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้รวมเติบโตดีกว่าปี 2562 เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการใหม่เข้ามา 3 โครงการ รวมกำลังการผลิต 276.43 เมกะวัตต์ รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปีในโครงการโรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่น ขนาดกำลังการผลิต 119.11 เมกะวัตต์ ดังนั้น ปี 2663 ในเบื้องต้นจะส่งผลกำลังที่ COD ตามสัดส่วนการผลิตของ RATCH เป็น 7,333.11 เมกะวัตต์ ซึ่งยังไม่รวมโครงการที่อยู่ในแผนซื้อกิจการจะช่วยเป็นปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการเติบโตได้อย่างดี แม้ในปีหน้าจะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหงสาที่สปป.ลาว 1 หน่วยก็ตาม

ขณะที่ความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อความมั่นคงภาคตะวันตก (โรงไฟฟ้าหินกอง) จำนวน 2 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวม 1,400 เมกะวัตต์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปพันธมิตรร่วมลงทุนปลายปีนี้ ส่วนการจัดซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG รองรับการผลิตไฟฟ้าในโครงการนี้ คาดว่าจะเซ็นสัญญาจัดหาเชื้อเพลิงได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า


ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าหินกองปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการด้านจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าแล้วเสร็จไตรมาส 2/2563 พร้อมประมูลจัดหาผู้รับเหมาในปี 2563 ทันที คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี2564 พร้อมจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 2567-2568


“สำหรับจัดหา LNG นั้นมีหลายทางเลือก ทั้งการเจรจาซื้อก๊าซจาก ปตท. ให้ได้เงื่อนไขที่ดีที่สุด และการเจรจาจัดหาจากผู้ค้าก๊าซฯ รายอื่นๆ รวมถึง บริษัท ยังมีแผนที่จะเป็นผู้จัดหาและนำเข้า LNG เองด้วย ซึ่งได้ยื่นเรื่องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและนำเข้าก๊าซ หรือผู้ใช้บริการ (Shipper) ต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ไปแล้ว” นายกิจจา กล่าว


นอกจากนี้ บริษัทยังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการลงทุนเชื้อเพลิงอัดแท่ง Wood pallet เพื่อจำหน่ายให้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ เนื่องจากเป็นแนวโน้มธุรกิจที่ดี ที่โรงไฟฟ้าฟอสซิล ทั้งก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ต้องการนำเชื้อเพลิงอัดแท่งจากไม้ ไปผสมกับเชื้อเพลิงหลัก เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยปัจจุบันบริษัทจึงอยู่ระหว่างการเจราจาจัดหาพื้นที่ขนาดใหญ่ สัญญาระยะยาว เช่น จาก สปป.ลาว และเมียนมา เพื่อปลูกไม้ยืนต้นในการนำมาอัดแท่งดังกล่าว


ส่วนการร่วมกับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีจีเอสอาร์ (BGSR) เข้าร่วมประมูลโครงการติดตั้งและบริหารระบบเก็บเงินมอเตอร์เวย์ สายบางปะอิน-นครราชสีมา มูลค่าประมาณ 33,000 ล้านบาท และสายบางใหญ่-กาญจนบุรี มูลค่าประมาณ 28,000 ล้านบาท ซึ่งผ่านการพิจารณาคัดเลือกจากกรมทางหลวงแล้ว คาดว่าจะลงนามในสัญญาได้เดือน ก.พ. 2563