นิวส์ คอนเน็คท์ - AOTย้ำแผนแม่บทสนามบินสุวรรณภูมิต้องปรับแผนทุก5ปีเพื่อให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน พร้อมเดินหน้าเสนอแผนก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือเข้าบอร์ด 20 พ.ย.นี้ ขณะผลประกอบการปีนี้ใกล้เคียงปี61 ผู้โดยสารโต 1.7% ส่วนในปี63 คาดผู้โดยสารโต 5-6% ปี 64 การันตีกำไร 4-5 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ AOT ดำเนินการรวบรวมข้อคิดเห็นและตอบข้อซักถามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนรอบด้านเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเดินหน้าโครงการก่อสร้างส่วนต่อขยายด้านทิศเหนือ (North Expansion) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น AOT ได้ดำเนินการรวบรวมข้อคิดเห็น และชี้แจงข้อซักถามกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

สำหรับแผนก่อสร้าง North Expansion ตนยื่นยันว่า AOT ได้ปฏิบัติตามหลักการของแผนแม่บท (Master plan) เดิม ซึ่งจำเป็นต้องปรับปรุงทุก 5 ปีตามเกณฑ์มาตรฐานสากลภายใต้การแนะนำขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ICAO และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจการบินที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ ภายหลังจากรวบรวมข้อมูลขั้นตอนต่อไปก็จะนำเสนอแผนงานเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด AOT) พิจารณาในรายละเอียดแผนในวันที่ 20 พ.ย.62 หลังจากนั้นจะนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ซึ่งในขั้นตอนดังหล่าวคาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจาก AOT ได้พิจารณาในรายละเอียดอย่างรอบครอบแล้ว หลังจากนั้นก็จะนำไปสู่ขบวนการออกแบบ จัดทำรายละเอียดการประมูล และการประมูลต่อไปซึ่งหากสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ทันทีในปี 63 ก็จะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 3-4 ปีแล้วเปิดดำเนินการในปี 67

โดยการดำเนินการก่อสร้างโครงการ North Expansion นั้นมีกรอบวงเงินลงทุนรวม 42,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้สามารถรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้นเป็น 85 ล้านคนไม่นับรวมโครงการก่อสร้างแซทเทิลไลท์ที่รองรับผู้โดยสารเดินทางมาต่อเครื่องบิน Transit และTransfer ราว 30 ล้านคน โดยหากประเมินตัวเลขผู้โดยสารในปี 67 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นในระดับ 82 ล้านคนจากปัจจุบันท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารอยู่ที่ระดับ 65 ล้านคน ซึ่งเกินขีดความสามารถที่รองรับได้ 45 ล้านคน

สำหรับผลประกอบการปีงบประมาณ 62 (ต.ค.61-ก.ย.62) คาดว่าจะเติบใกล้เคียงกับปีงบประมาณ61 (ต.ค.59-ก.ย.60) ที่มีกำไรสุทธิ 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ภาพรวมผู้โดยสารเติบโตอยู่ในระดับ 1.7% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโตในระดับ 6% และลดลงจากปีก่อนที่เติบโตในระดับ 8% ขณะที่ผลประกอบการในปี 63 คาดว่าผู้โดยสารจะเติบโต5-6% กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น พร้อมกับได้รับปัจจัยสนับสนุนจากนักท่องเที่ยวอืนเดียที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้รายได้เติบโตมากกว่า 6%

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเห็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปี64 โดยคาดว่าจะมีกำไรประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาทเนื่องจากเป็นการรับรู้กำไรจากค่าเช่าพื้นที่ดิ้วตี้ฟรีสัญญาใหม่ราว 24,000 ล้านบาท นอกจากนั้นก็จะได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจคาร์โก ดิจิทัลแพลตฟอร์มและปัจจัยหนุนจากการเปิดให้บริการอาคารแซทเทิลไลท์