Phones





BBL แจ้งผลประกอบการโค้งแรกฟาดกำไร 1 หมื่นล.

2023-04-21 14:10:18 113



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – BBL รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 10,129 ล้านบาท รับผลบวกจากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสุทธิ
 
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 จำนวน 10,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2565 โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยสุทธิกับค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากและการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมที่ 0.46% ต่อปี และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.84% 
 
สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงเป็น 46.8% ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 8,474 ล้านบาท โดยพิจารณาถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า
 
โดย ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2566 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,640,090 ล้านบาท ลดลง 1.6% จากสิ้นปี 2565 ส่วนใหญ่จากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจและสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 3.1% ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 265.1%
 
ขณะที่ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2566 จำนวน 3,205,989 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปี 2565 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 82.3% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.2%, 15.7% และ 14.9% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
 
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 1/2566 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการจ้างงานและการบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ในขณะเดียวกันการส่งออกเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวขึ้นบ้างจากที่หดตัวในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ และสถานการณ์ปัญหาสถาบันการเงินในประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
 
ทั้งนี้ ภายใต้ทิศทางภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอน ธนาคารยังคงดำเนินธุรกิจตามหลักความระมัดระวังรอบคอบ ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ธนาคารให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวโน้มของสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งด้านดิจิทัลเทคโนโลยี นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน