นิวส์ คอนเน็คท์ – SCB ประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยปี 63 ที่ระดับ 1,600-1,800 จุด หลังคาดปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศเริ่มลดลง ขณะที่ฟันด์โฟวล์เตรียมไหลเข้า Emerging Market และตลาดหุ้นไทย พร้อมประเมินกำไรบจ.ปีหน้ากลับมาเติบโต 11% หลังติดลบมา 2 ปีติดต่อกัน

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 62 นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 63 ถือว่ามีแนวโน้มในเชิงบวกมากขึ้น เนื่องจากมองว่าปัจจัยลบต่างๆจากต่างประเทศจะเริ่มลดลง โดยเฉพาะเรื่องสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีนที่ไม่น่าจะเพิ่มความรุนแรงมากกว่าปีนี้ และภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะเติบโตได้ เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจหลัก เช่น สหรัฐฯ กลุ่มประเทศยุโรป ญี่ปุ่น และจีน รวมถึงประเทศเกิดใหม่ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมถึงมีการทำมาตรการ QE เพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเสรษฐกิจ

สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปี 63 มองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ถึง 2 ครั้ง การออกมาตรการกระตุ้นเศษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการเริ่มเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี 63 จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในปี 63 แม้จะยังมีปัจจัยเสี่ยงจากภาคส่งออกก็ตาม แต่มองว่าการลงทุนของรัฐบาลและเอกชนจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อเศรษฐกิจในปีหน้า

ในส่วนของภาวะตลาดหุ้นไทยมองว่าจะเข้าสู่จุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 4/62 และจะกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นในปีหน้า เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆน่าจะเริ่มลดลง และคาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนจะกลับมาเติบโตที่ระดับ 11% หลังจากที่กำไรบริษัทจดทะเบียนปรับตัวลดลงมาต่อเนื่อง 2 ปีติตด่อกัน รวมทั้งดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ในปีนี้มีการปรับคัวขึ้นค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับดัชนีตลาดหุ้นของประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐ ที่เพิ่มขึ้น24% ตลาดหุ้นยุโรปเพิ่มขึ้น 20% และตลาดหุ้นญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 16%

ทั้งนี้ ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) และตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มมากขึ้นในปี 63 เนื่องเงินทุนจากเงินทุนต่างประเทศจะเริ่มไหลเข้ามามากขึ้น รวมทั้งหุ้นวัฐจักร เช่น หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มพลังงาน น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง ขณะที่หุ้นกลุ่มการแพทย์ และกลุ่มท่องเที่ยว มีโอกาสที่กำไรจะกลับมาฟื้นตัว และราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าปรับตัวลงไม่มาก ซึ่งจะหนุนดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีหน้า

โดยกลยุทธ์การลงทุนในปีหน้า มองว่านักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มพลังงาน ซึ่งสามารถเริ่มทยอยซื้อได้ตั้งแต่ช่วงปลายปี 62 เพื่อรอการฟื้นตัวของผลประกอบการและราคาหุ้นในปีหน้า ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มค้าปลีก สามารถเข้าลงทุนระยะยาว หรือเข้าซื้อเพื่อรอรับเงินปันผล โดยประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 63 จะอยู่ในกรอบ 1,600-1,800 จุด