Phones





กรมพัฒน์ฯ จับมือ AWS ส่งตู้เติมเงิน ‘กะปุก’ ให้ร้านโชห่วยทั่วไทย

2023-05-25 09:05:30 240



นิวส์ คอนเน็คท์ - กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เต็มกำลัง จับมือ AWS ส่งตู้เติมเงิน ‘กะปุก’ ให้ร้านโชห่วยทั่วไทย ภายใต้แนวคิด ‘ขยายฐานลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใกล้บ้าน’ นำร่อง 200 ตู้ หวังสร้างโอกาสทางการค้า/เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการชุมชน และเพิ่มเครื่องมือที่ช่วยในการแข่งขัน 

เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2566 นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “โครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เป็นโครงการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานพันธมิตรร่วมกันพัฒนาร้านค้าปลีกรายย่อย หรือ โชห่วยทั่วประเทศให้เป็น ‘สมาร์ทโชห่วย’ ที่มีภาพลักษณ์ที่ดีและมีการจัดรูปแบบร้านค้าที่ สวย สะอาด สว่าง สะดวก สบาย นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริหารจัดการร้านค้า รวมถึง มีความรู้ที่จำเป็นต่อการบริหารธุรกิจ: รู้จักลูกค้า รู้จักสินค้า รู้จักใช้เงิน และรู้จักกำไร โดยโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้รับการสนับสนุนตู้เติมเงิน ‘กะปุก’ หรือ ‘Kapook’ จำนวน 200 ตู้ จากบริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AWS ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส เพื่อดำเนินการมอบให้แก่ร้านค้าทั่วประเทศที่เข้าร่วมโครงการฯ ในปีนี้ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ภายใต้แนวคิด ‘ขยายฐานลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใกล้บ้าน’ ซึ่งตู้กะปุกสามารถให้บริการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ วอลเลท (Wallet) บัตรเงินสด เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการโชห่วย โดยการนำตู้กะปุกซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าไปให้บริการเสริมแก่คนในชุมชน เป็นการให้บริการเพิ่มเติมจากการขายสินค้าอุปโภค-บริโภคตามปกติ ช่วยขยายฐานลูกค้าให้มีความหลากหลาย ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการก็มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ หรือชำระค่าบริการประเภทต่างๆ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน โดยสามารถทำธุรกรรมได้ที่ร้านสมาร์ทโชห่วยใกล้บ้าน ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย 

จากการประเมินเบื้องต้น การให้บริการตู้กะปุก 1 ตู้ จะมีรายได้ประมาณ 30,000 - 50,000 บาท ต่อปี โดยรายรับมาจาก 2 ทาง คือ 1) ค่าธรรมเนียมเติมเงิน เช่น เติมเงิน 20 บาท ค่าธรรมเนียม 2 บาท เป็นต้น และ 2) เปอร์เซ็นต์จากยอดเติมเงินที่จะได้รับจากเจ้าของเครือข่ายเติมเงิน (ประมาณ 2.7% - 3%) ขณะเดียวกัน ร้านสมาร์ทโชห่วยที่ติดตั้งตู้กะปุกจะมีค่าใช้จ่ายประมาณเดือนละ 100 บาท (ค่าบริหารจัดการรายเดือนซิม โทรศัพท์ 50 บาท และค่าไฟตู้กะปุกประมาณ 50 บาท) ซึ่งเมื่อหักกลบลบยอดระหว่างรายรับและรายจ่ายแล้ว ผู้ประกอบการยังคงมีรายรับที่เพิ่มขึ้นจากการให้บริการตู้กะปุก ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมจากการขายสินค้าภายในร้าน นอกจากนี้ AWS ซึ่งเป็นเจ้าของตู้กะปุกจะเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำตลอดระยะเวลาการใช้งาน ทั้งนี้ หากดำเนินการแจกตู้กะปุกได้ครบ 200 ตู้ คาดว่าจะมีเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 10 ล้านบาท
นายวิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “บริษัท แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เป็นผู้นำด้านการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลแพลตฟอร์ม และระบบ IT Solution แบบครบวงจรชั้นนำของประเทศไทย ดำเนินธุรกิจมามากกว่า 15 ปี และเป็นผู้ผลิต/จำหน่ายตู้ Kapook Topup ผู้ให้บริการเติมเงิน เติม Wallet และบริการชำระบิลค่าบริการต่างๆ มีความยินดีและรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านบริการเสริมกับโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนพัฒนาร้านโชห่วยทั่วประเทศไทยให้กลายเป็นร้านค้าที่ทันสมัย ด้วยบริการเสริมตู้เติมเงิน Kapook Topup ให้แก่ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าภายในร้าน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดค้าปลีกที่มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในฐานะบริษัทเป็นผู้พัฒนาระบบและเจ้าของแบรนด์ผู้ผลิตตู้เติมเงิน Kapook Topup ได้เล็งเห็นความสำคัญของโครงการดังกล่าว และต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจชุมชนมีความเข้มแข็ง เพราะเมื่อเศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง เศรษฐกิจของทั้งประเทศในภาพรวมก็จะมีความมั่นคงแข็งแกร่งตามไปด้วย 

เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้เกิดแก่ระดับชุมชนที่เป็นรากฐานของเศรษฐกิจ บริษัทจึงได้มอบตู้เติมเงิน Kapook Topup รุ่น Plus ราคาตู้ละ 13,500 บาท ให้แก่ร้านค้าโชห่วยที่เข้าร่วมโครงการสมาร์ทโชห่วย พลัส ทั่วประเทศ จำนวน 200 ตู้ มูลค่า 2.7 ล้านบาท เพื่อให้ร้านโชห่วยสามารถนำไปสร้างรายได้จากค่าธรรมเนียมในการเติมเงินมือถือและค่าธรรมเนียมชำระค่าบริการต่างๆ อัตโนมัติตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและข้อได้เปรียบในการแข่งขันให้กับร้านโชห่วย สร้างรายได้ที่มั่นคง เพื่อส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เติบโตพร้อมกันในทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็งยั่งยืน