Phones





BAFSรุกพลังงานทดแทน-เป้ารายได้63โต7%

2019-11-21 18:38:11 466




นิวส์ คอนเน็คท์ - BAFS แตกไลน์ธุรกิจ เล็งลงทุนพลังงานทดแทน จีบ 2 บริษัทระดับโลกร่วมลงทุนธุรกิจบริหารจัดการพลังงาน หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้ Non-Core ภายใน 5 ปีเป็น 40% ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 4/62 และทั้งปี 62 รายได้โต 5-6% ส่วนปี 63 มั่นใจโต7%


เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2562 มรว.ศุภดิศ ดิศกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ผู้ให้บริการน้ำมันอากาศยาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน BAFS ให้บริการน้ำมันอากาศยานกับสายการบินกว่า 800 เที่ยวบินต่อวันใน 5 แห่งทั่วประเทศประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานสมุย ท่าอากาศยานตราด และท่าอากาศยานสุโขทัย


นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเข้าไปประมูลการให้บริการน้ำมันอากาศยานเพิ่มเติมทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศนั้น ให้ความสนใจในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจการบิน รวมถึงมองโอกาสขยายลงทุนท่อส่งน้ำมันไปยังประเทศเมียนมา โดยเชื่อมจากจ.ลำปางไปยังท่าขี้เหล็ก และจากจ.ตากไปยังเมาะละแหม่ง เพื่อสนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางพลังงาน (ฮับ) ในภูมิภาคอาเซียน แต่ต้องรอความชัดเจนของกระทรวงพลังงานก่อน


พร้อมกันนี้ เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีแผนการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม เช่น การลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน การขยายธุรกิจบริหารจัดการพลังงาน


ด้านนายประกอบเกียรติ นินนาท กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 4/62 มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามการขยายตัวของการท่องเที่ยวที่เป็นช่วงไฮซีซั่น โดยคาดว่าปริมาณการให้บริการน้ำมันอากาศยานรวมในช่วงไตรมาส 4/62 อยู่ที่ 1,600 ล้านลิตร และคาดว่าภาพรวมทั้งปี 62 ปริมาณการให้บริการน้ำมันอากาศยานจะเติบโตราว 2.7% จากปีก่อนอยู่ที่ 6,003 ล้านลิตร ส่วนรายได้รวมเติบโต 5-6% จากปีก่อนอยู่ที่ 3,754 ล้านบาท


ส่วนในปี 63 ตั้งเป้าปริมาณการให้บริการน้ำมันอากาศยานรวมเติบโต 4% ส่วนรายได้รวมตั้งเป้าเติบโต 7% เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดให้บริการระบบท่อส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 1 (บางปะอิน-กำแพงเพชร-พิจิตร) ที่เปิดให้บริการกลางปี 62 รวมถึงได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดให้บริการระบบท่อส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 2 (พิจิตร-ลำปาง) ซึ่งคาดว่าเปิดให้บริการได้กลางปี 63 โดยทั้ง 2 เฟสอยู่ภายใต้การบริหารงานของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BAFS และคาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 230 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้เต็มปีในปี 64 ราว 500 ล้านบาท


ขณะเดียวกัน ในปี 63 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 3,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนต่อเนื่องในโครงการท่อส่งน้ำมันเฟส 2 และรวมงบลงทุนสำหรับโครงการก่อสร้างถังเก็บน้ำมันหมายเลข 6 ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รองรับน้ำมัน 15 ล้านลิตร ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการเก็บน้ำมันรวมเป็น 120 ล้านลิตร โดยบริษัทฯมีแผนออกหุ้นกู้ในปี 2563 อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ล็อตแรกจำนวน 2,500 ล้านบาท


ขณะที่ มล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BAFS กล่าวว่า การขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานนั้น บริษัทให้ความสนใจลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นโซลาร์ฟาร์ม พลังงานลม พลังงานน้ำ รวมถึงโรงไฟฟ้าชีวมวล โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อเข้าไปลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศนั้น ศึกษาลงทุนในกลุ่มอาเซียน และในเอเชีย ส่วนในไทย เบื้องต้นให้ความสนใจโรงไฟฟ้าชุมชน คาดว่าไตรมาส 2/63 จะได้ข้อสรุปการลงทุน


นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจในธุรกิจบริหารจัดการพลังงานในอาคาร (Energy Management System) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรรายใหญ่ระดับโลก 2 รายคาดว่าจะได้ข้อสรุปต้นปี 63 โดยธุรกิจนี้หากมีการลงทุนเกิดขึ้นในเบื้องต้นจะเจาะกลุ่มอาคารของท่าอากาศยานก่อน พร้อมกันนี้บริษัทยังให้ความสนใจในการลงทุนธุรกิจรับบริการจัดการดิจิตอล ซอฟต์แวร์ และขยายลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) สำหรับใช้ในท่าอากาศยานอีกด้วย


ทั้งนี้ จากการขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานนั้น ภายใน 5 ปี (63-67) จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non-Core เพิ่มเป็น 40% ซึ่งในสัดส่วนนี้รวมถึงธุรกิจท่อส่งน้ำมันของ FPT ด้วย และในสัดส่วน 60% เป็นธุรกิจหลักที่ให้บริการน้ำมันอากาศยาน จากปัจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 20:80% อย่างไรก็ตาม ภายในปี 2030 บริษัทตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Non Carbon Based เป็น 50% และธุรกิจ Carbon Based 50% และคาดว่าจะมีรายได้ทะลุ 10,000 ล้านบาทก่อนปี 2030