Phones





SEAFCOปักหมุดรายได้ปีหน้าทะลุ3พันล.

2019-11-25 16:44:58 452




นิวส์ คอนเน็คท์ – SEAFCO ไม่หวั่นรายได้ปี 62 มีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 3 พันล้านบาท แต่กำไรยังเติบโตได้ดี จากงานใหม่ที่เข้ามาใน backlog มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่า 20% พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 63 ไว้ที่ 3 พันล้านบาท มองธุรกิจรับเหมาก่อสร้างยังสดใส หลังมีงานค้างท่อจากปีนี้กว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และโครงการใหม่มูลค่ากว่า 1.99 ล้านล้านบาท


เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของบริษัทในปี 62 คาดว่าจะทำได้ราว 2.9 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3 พันล้านบาท หลังจากในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 2.3 พันล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/62 จะมีการส่งมอบงานที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก และอาจจะไม่มีงานใหม่ๆ เข้ามาในช่วงปลายปี ทำให้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/62 อาจจะลดลงจากไตรมาส 3/62 ที่มีรายได้ 759 ล้านบาท


อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมั่นใจว่าตัวเลขกำไรสุทธิจะยังมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี เนื่องจากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ตอนนี้ถือว่าเป็นงานที่มีอัตรากำไรค่อนข้างดี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 20% ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 13-14% เนื่องจากบริษัทมีการรับงานภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้นโดยมีสัดส่วนมากกว่า 80% ของมูลค่า backlog และงานภาครัฐมีสัดส่วนราว 24% โดยยอด backlog ของบริษัทในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.62 อยู่ที่ราว 1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปถึงช่วงกลางปี 63

“ยอมรับว่ารายได้รวมปี 62 อาจจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 3 พันล้านบาท แต่ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องตกใจ เพราะทุกปีเราก็ตั้งเป้าสูงๆมาโดยตลอด และส่วนใหญ่ก็ทำได้ใกล้เคียงเป้า อย่างปีนี้ก็คงจะจบที่ราว 2.9 พันล้านบาท เนื่องจากช่วงปลายปี เราคงไม่มีการส่งมอบงานใหญ่ๆ ทำให้การรับรู้รายได้ลดลง แต่ในส่วนของกำไรยังเติบโตได้ค่อนงข้างดีแน่นอน เพราะงานที่อยู่ใน backlog ตอนนี้ถือว่ามีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง” นายณรงค์ กล่าว


สำหรับทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 63 มั่นใจว่าจะยังเห็นการเติบโตที่ค่อนข้างดี โดยบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 3 พันล้านบาท และมีโอกาสที่รายได้รวมจะทำได้สูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากยังมีงานที่อยู่ระหว่างรอประกาศผลการประมูลงานคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.7 หมื่นล้านบาท และในปีหน้ายังมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.99 ล้านล้านบาท ซึ่งในส่วนของงานเสาเข็มและงานฐานรากจะมีมูลค่างานประมาณ 3-5% ของมูลค่าโครงการลงทุน โดยบริษัทตั้งเป้าหมาย backlog ในปี 63 ไว้ที่ระดับ 4-5 พันล้านบาท


ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าในปีหน้าจะมีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1.9 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย โครงการถไฟรางคู่ จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมมากกว่า 5.26 แสนล้านบาท โครงการรถไฟความเร็วสูง จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7.36 แสนล้านบาท โครงการมอเตอร์เวย์และทางด่วน จำนวน 7 โครงการ มูลค่ากว่า 2.39 แสนล้านบาท โครงการระบบขนส่งมวลชน (Mass Transit) จำนวน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 4.13 แสนล้านบาท และโครงการ Commuter Train จำนวน 3 โครงการ มูลค่ากว่า 7.4 หมื่นล้านบาท


ในส่วนของการที่บริษัทมีการเข้าลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจก่อสร้างเสาเข็มเจาะและปรับปรุงคุณภาพดิน โดยการเข้าถือหุ้นสัดส่วน 50% มูลค่าการลงทุนราว 20 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทต้องการเพิ่มมมูลค่าให้กับเครื่องจักรที่มีอยู่ โดยสามารถนำเครื่องมือขนาดเล็กและขนาดกลางไปใช้รับงานที่มีมูลค่าของโครงการไม่เกิน 30 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเพิ่มช่องทางรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง