นิวส์ คอนเน็คท์ - GPSC ลั่นปี 63 ผลงานวิ่งนิวไฮ หลังรับรู้ซื้อหุ้น GLOW เต็มปี ขณะที่ปีนี้รายได้ใกล้เคียงปี 61 หลังมีภาระดอกเบี้ย 3,000 ล้านบาท เผยสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน เล็งลงทุนเพิ่มในเมียนมา

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชีองค์กร บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า ปี 63 มั่นใจว่าผลประกอบการจะเติบโตทำสถิติใหม่ (นิวไฮ) ทั้งรายได้และกำไร เนื่องจากบริษัทจะรับรู้รายได้เต็มปีจากการซื้อ GLOW และโครงการโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 62 ราว 432 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำลิก 26 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 40% COD ไตรมาส 3/62, โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี 321 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น COD เดือน ต.ค. 62, โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเฟสที่ 4 (CUP4) 45 เมกะวัตต์ ที่มาบตาพุด จ.ระยอง COD ไตรมาส 3/62 และโครงการโซลาร์ฟาร์ม 9 โครงการ รวม 40 เมกะวัตต์ และมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง

นอกจากนี้ในปี 63 ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเพิ่มอีก 1 โครงการได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร ส่วนขยาย (NNEG Expansion) กำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์

ส่วนความคืบหน้าการศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเมียนมาเพิ่มเติม หลังจากก่อนหน้านั้นมีการศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ภายใต้โครงการ Gas to Power ขนาด 600 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP อยู่ระหว่างรอตอบรับจากรัฐบาลเมียนมา ส่วนการลงทุนในประเทศไทยนั้น สนใจลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน และโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) รวมถึงจะขยายการลงทุนตามการขยายลงทุนของบริษัทในกลุ่ม ปตท.

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 62 คาดว่าจะใกล้เคียงกับปี 61 ที่มีกำไรสุทธิ 3,359 ล้านบาท รายได้รวม 25,895 ล้านบาท เนื่องจากต้องรับภาระดอกเบี้ยจ่าย 3,000 ล้านบาทจากการกู้เงินระยะสั้น 1.3 แสนล้านบาท ซื้อหุ้น GLOW แม้จะมีการรับรู้ผลการดำเนินงานของ GLOW เข้ามา 9 เดือนก็ตาม และในปีนี้มีภาระค่าใช้จ่ายตาม พ.ร.บ.แรงใหม่ ราว 100 ล้านบาท

ปัจจุบัน GPSC มีกำลังการผลิตติดตั้งในมือรวมโรงไฟฟ้าของ GLOW แล้ว 4,726 เมกะวัตต์ แต่หากรวมโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 250 เมกะวัตต์ (ERU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด (CPF) ของ บมจ.ไทยออยล์ หรือ TOP และโซลาร์ฟาร์ม 40 เมกะวัตต์แล้ว จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 5,016 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนผลประกอบการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ