Phones





KTC จับมือ แอนท์ กรุ๊ป เปิดตัว ‘อาลีเพย์พลัส’ ต่อยอดธุรกิจร้านค้าในไทย

2023-06-27 18:12:35 103



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – KTC ผนึกกำลัง แอนท์ กรุ๊ป เปิดตัว ‘อาลีเพย์พลัส’ (Alipay+) นวัตกรรมการชำระเงินดิจิทัลระหว่างประเทศบนระบบรับชำระเงินของ KTC เพื่อต่อยอดธุรกิจร้านค้าในไทย รองรับการใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวเอเชียที่เดินทางมาประเทศไทย ตั้งเป้าธุรกิจร้านค้ารับชำระของ KTC ปีนี้โต 20% หรือแตะระดับ 1 แสนล้านบาท   
 
เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 นางสาวเนาวรัตน์ กีรติเกษมสุข ผู้บริหารสูงสุด สายงานบริหารร้านค้าสมาชิก บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า KTC ได้พัฒนาความร่วมมือกับแอนท์ กรุ๊ป เจ้าของ และผู้ให้บริการอาลีเพย์ (Alipay) และ หนึ่งในผู้นำแพลตฟอร์มชำระเงินดิจิทัลระดับโลก “อาลีเพย์พลัส (Alipay+)” ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการร้านค้าในไทยสามารถรับชำระเงินผ่านโมบายวอลเล็ตได้หลากหลาย โดยผู้ประกอบการร้านค้า KTC สามารถเชื่อมต่อระบบเพียงครั้งเดียวก็สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียได้มากถึง 1,000 ล้านคน รวมทั้งยังสะดวก รวดเร็วกว่าการเชื่อมต่อกับโมบายวอลเล็ตของแต่ละประเทศแบบหนึ่งต่อหนึ่ง หากลูกค้ามีโมบายวอลเล็ตในระบบนิเวศน์ของอาลีเพย์พลัส เมื่อเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จะสามารถใช้โมบายวอลเล็ตของประเทศตัวเองชำระเงินกับร้านค้า KTC ในไทยได้ทันที
 
โดยปัจจุบันร้านค้าสมาชิก KTC สามารถรับชำระค่าสินค้าหรือบริการด้วยคิวอาร์โค้ดของโมบายวอลเล็ตที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของอาลีเพย์พลัส อาทิ Alipay (สำหรับชาวจีน) ที่เปิดตัวในไทยตั้งแต่ปี 2558 และล่าสุดกับโมบายวอลเล็ตใหม่อีก 3 ราย ได้แก่ AlipayHK (เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน), KakaoPay (เกาหลีใต้) และ Touch ‘n Go eWallet (มาเลเซีย) โดยทั้ง 4 โมบายวอลเล็ต ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมเดินทางมาประเทศไทยมากที่สุด 4 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวมาเลเซีย, จีน, เกาหลีใต้ และฮ่องกง รวม 2.9 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาประเทศไทยทั้งหมด 8.6 ล้านคนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้
 
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน 5 เดือนแรกของปีนี้ ธุรกิจร้านค้ารับชำระด้วยบัตรเครดิต และวอลเล็ตอาลีเพย์ของ KTC มีปริมาณรับชำระเพิ่มขึ้น 27% คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ตามแนวโน้มเศรษฐกิจและ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และคาดว่าสิ้นปี 2566 ปริมาณยอดรับชำระด้วยบัตรเครดิต, วอลเล็ตอาลีเพย์และอาลีเพย์พลัสของ KTC จะเติบโตได้ 20% หรือแตะระดับ 1 แสนล้านบาท โดยจะมุ่งขยายฐานร้านค้าทั้งการรับชำระด้วยบัตรเครดิต อาลีเพย์ และ อาลีเพย์พลัส เพื่อตอบโจทย์การรับชำระข้ามประเทศให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่เป้าหมายของนักท่องเที่ยว เช่น เชียงใหม่, พัทยา, ชลบุรี, ภูเก็ต และหาดใหญ่ เป็นต้น
 
โดยปัจจุบัน KTC มีจำนวนร้านค้าที่รับชำระค่าสินค้า หรือ บริการด้วยคิวอาร์โค้ดของโมบายวอลเล็ตจำนวน 50,000 ร้านค้า ซึ่งมีร้านที่รับอาลีเพย์พลัสจำนวน 10,000 ร้านค้า โดยภายในช่วง 3 ปีนับจากนี้ ตั้งเป้ามีร้านค้าดังกล่าวจำนวน 100,000 ร้านค้า
 
นายสิทธิพงษ์ กิตติประภาพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป ด้าน Global Merchant Partnership ประจำประเทศไทย บริษัท แอนท์กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทได้มีความร่วมมือกับ KTC อย่างต่อเนื่อง และเสริมความแกร่งของการเป็นพันธมิตรในครั้งนี้โดยการนำเอาอาลีเพย์พลัส (Alipay+) เข้าไปใช้กับเครือข่ายร้านค้าของ KTC และสนับสนุนการใช้งานดิจิทัลของธุรกิจไทย นักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตอนนี้สามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง และวิธีการชำระเงินที่ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ คิง เพาเวอร์ และห้างสรรพสินค้าในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ป ซึ่งด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศไทย จะยังช่วยให้ธุรกิจท้องถิ่นในประเทศเชื่อมต่อกับนักท่องเที่ยวนานาชาติ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ และ พัฒนาประสบการณ์ท่องเที่ยวให้ดีขึ้น
 
สำหรับอาลีเพย์พลัส (Alipay+) เป็นชุดบริการชำระเงินดิจิทัล และ โซลูชันการตลาดระหว่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้กับธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับธุรกิจเอสเอ็มอีในการดำเนินการชำระเงินผ่านมือถือได้หลากหลายรูปแบบ บริการของเราช่วยสนับสนุนธุรกิจเหล่านี้เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคระดับภูมิภาค และ ระดับโลกกว่า 1,000 ล้านราย ผ่านการทำงานที่ง่าย และเสร็จสิ้นภายในครั้งเดียว (one-time integration) อาลีเพย์พลัส ยังนำเสนอ Alipay+ D-store และ โซลูชันการตลาดอื่นๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการร้านค้าสามารถเข้าถึง และ มีส่วนร่วมกับผู้บริโภคตั้งแต่ก่อนเดินทางตลอดจนสิ้นสุดการเดินทาง ด้วยอาลีเพย์พลัส นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินด้วยโมบายวอลเล็ตที่คุ้นเคยในประเทศตนเอง พร้อมอัตราแลกเปลี่ยนที่แข่งขันได้
 
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างยื่นขอใบอนุญาตกับทางธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สำหรับผู้ให้บริการรับชำระเงินรายอื่นเข้ามาให้บริการในประเทศไทยประมาณ 10 ราย ทั้งจากในเอเชีย และ ยุโรป เช่น ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ อีก 2-3 ราย ซึ่งการขยายดังกล่าวเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีน ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกนี้นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวมา 30% แล้ว โดยภายในสิ้นปีคาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวได้ประมาณ 50-60% ซึ่งก่อนโควิดนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 11 ล้านคน สิ้นปีนี้คาด 5 ล้านคน