Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
SPREME เร่งปิดดีล M&A ดันผลงานโต Double Digit
MAI
FLOYD สอยงานใหม่เข้าพอร์ต 115 ล. ตั้งเป้ารายได้โต50%
IPO
CFARM เตรียมขาย IPO 149 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า mai
บล./บลจ
บล.หยวนต้า กวาด 7 รางวัลจาก IAA Best Analyst Awards 2023
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
SCB EIC เดาใจ กนง. ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง สู่ระดับ 2.00%
การค้า - พาณิชย์
TikTok ผนึก SME D Bank เสริมทักษะดิจิทัล – แหล่งเงินทุนแก่เอสเอ็มอี
พลังงาน - อุตสาหกรรม
TGE ดันผลงานปี 67 โต 10% พร้อมลุยประมูลงานใหม่อีก 30 MW
คมนาคม - โลจิสติกส์
SJWD เซ็นสัญญารับงาน ‘กลุ่มแอสเซทไวส์’
แบงก์ - นอนแบงก์
TTB พัฒนาโซลูชันทางการเงินตอบโจทย์พันธมิตรองค์กร
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
TIDLOR อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด ขึ้น XD 24 เม.ย. 67
SMEs - Startup
BTG จัดตั้ง “Betagro Ventures” ลุยลงทุน “FoodTech & AgriTech”
ประกันภัย - ประกันชีวิต
MTL Click คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี
รถยนต์
GPI โชว์ยอดจองรถงาน “มอเตอร์โชว์” 58,611 คัน
ท่องเที่ยว
ttb analytics ประเมินเงินสะพัดกว่า 4.2 หมื่นล.ในช่วงสงกรานต์ปี 67
อสังหาริมทรัพย์
A5 บอร์ดไฟเขียวออกวอร์แรนต์ A5-W4
การตลาด
M-150 Sparkling ผนึกกำลัง RoV เขย่าวงการอีสปอร์ต
CSR
BTG จัดตั้ง “Betagro Ventures” ลุยลงทุน “FoodTech & AgriTech”
Information
ทีทีบีไดรฟ์ เป็นตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมงาน ‘2024 GWM GLOBAL CONFERENCE’
Gossip
HENG ออกหุ้นกู้ครั้งแรก จำนวน 2 ชุด
Entertainment
fintips by ttb ชวนพิชิตหนี้ด้วย 3 สิ่งต้องรู้
สกุ๊ป พิเศษ
NER เดินหน้าโตแกร่ง ควบคู่เน้น ESG
SCB CIOแนะจัดพอร์ตลงทุนฝ่ามรสุมเศรษฐกิจถดถอย
2023-07-05 18:25:33
103
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - SCB CIO เปิดกลยุทธ์ลงทุนฝ่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้ แนะจัดพอร์ตลงทุนรองรับแรงสะเทือนจากความผันผวนของตลาด แบ่งเงินลงทุนในตราสารหนี้ 35-40% ของพอร์ตรวมทั้งหมด หุ้นในกลุ่ม Defensive ประเภทสาธารณูปโภค และหุ้นจีน A-share อีกประมาณ 35-40%
เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 นายศรชัย สุเนต์ตา ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Office and Product และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารฝ่าย CIO Office ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาวะการลงทุนที่ธนาคารกลางหลัก ยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)ที่มีแนวโน้มปรับขึ้นอีก0.25% ในการประชุมวันที่ 25 -26 ก.ค. นี้ เนื่องจากเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ยังปรับลดลงช้า แต่คาดว่าเฟดใกล้จบรอบการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่ภาคธุรกิจธนาคารสหรัฐฯ มีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งเป็นแรงกดดันเพิ่มเติม ที่อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวลง และมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยแบบอ่อนๆได้ (mild recession)
โดยช่วงภาวะนี้หากนักลงทุนต้องการฝ่ามรสุมเศรษฐกิจถดถอย แนะนำในพอร์ตลงทุนควรมีตราสารหนี้ประมาณ 35-40% ส่วนอีก 35-40% ลงทุนในหุ้น โดยเน้นที่กลุ่ม Defensive หรือหุ้นที่ทนทานทุกสภาพตลาด และ 5-10% ลงทุนในทองคำ น้ำมัน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) รวมทั้งเน้นเก็บสภาพคล่องอีก 5-15% ไว้ในกองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market) สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อรอจังหวะเข้าลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การแบ่งเงินลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ นักลงทุนแต่ละท่านมีเป้าหมายการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยจะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่ยอมรับได้ด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ควรมีสินทรัพย์ลงทุนดังกล่าวไว้ในพอร์ต เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอีก 12 เดือนข้างหน้า มีโอกาส 30% ที่จะชะลอตัว และเงินเฟ้อลงเร็วกว่าคาด ทำให้อาจไม่ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก แต่มีความเป็นไปได้ถึง 60% ที่จะถดถอยแบบอ่อนๆ และเงินเฟ้อพื้นฐานยังชะลอตัวลงช้า ดังนั้น อาจได้เห็นเฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง เป็น5.50-5.75% แล้วคงอัตราดอกเบี้ยไว้ โดยส่งสัญญาณว่าการลดดอกเบี้ยน่าจะเกิดในปี 2567 โดยลดลง 1% เป็น 4.6% และในปี 2568 ลดลงอีก 1.2% อยู่ที่ 3.4% ซึ่งภาวะเช่นนี้การลงทุนในตราสารหนี้ยังมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่น่าสนใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ต่ำกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น
อย่างไรก็ตาม ตลาดรับรู้คาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนก.ค. ไปค่อนข้างมากแล้ว เมื่อพิจารณาจากคาดการณ์ของนักลงทุนใน Fed Fund Futures ค่อนข้างสอดคล้องกับเฟดที่มองว่าเงินเฟ้อยังลงช้ากว่าเป้าหมาย และมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้ง ในอัตรา 0.25% แต่คาดว่าจะกระทบตลาดและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ไม่มากนัก ด้วยเงินเฟ้อที่ปรับลดลงช้า และตลาดแรงงานยังตึงตัว
ขณะที่ SCB CIO มองว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะยังอยู่ในระดับสูงกว่า5%ไปตลอดทั้งปี 2566 ถือเป็นระดับที่น่าสนใจ นับว่าหายากมากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำโดยเราพบว่ามีเงินไหลเข้า กองทุนรวมตลาดเงิน(Money Market)สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม(บลจ.)ระดับโลกค่อนข้างมาก
ส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวมองว่า Bond Yield น่าจะผ่านระดับสูงสุดมาแล้วช่วงต้นปี หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยอีก1หรือ2 ครั้ง จะส่งผลให้ Bond Yield น่าจะอยู่ในขาลงมากกว่าขาขึ้น ทั้งนี้ แม้ตลาดจะมองว่า เงินเฟ้ออาจยังไม่เข้าสู่กรอบที่เฟดต้องการในปี 2567 แต่ด้วยดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง หรือ Real Yield มีแนวโน้มเป็นบวก การลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว จึงยังน่าสนใจ สำหรับพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว และหุ้นกู้คุณภาพสูง ที่มีเรตติ้ง AA- ขึ้นไป ของบริษัทที่แข็งแกร่ง ซึ่งมักจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจน้อยกว่าบริษัททั่วไป โดยตราสารหนี้เหล่านี้ ยังให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี อาจได้ทั้งอัตราดอกเบี้ยรับของตราสารหนี้ที่ค่อนข้างสูง และส่วนต่างกำไรจากราคาตราสารหนี้ที่จะปรับเพิ่มขึ้น ในช่วงที่ดอกเบี้ยลดลง
สำหรับการลงทุนในหุ้นแนะนำให้ขายทำกำไรหุ้นที่ได้รับผลตอบแทนสูงในช่วงที่ผ่านมา เช่น กลุ่มMega Technologyในสหรัฐฯ ที่นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันราคาปรับขึ้นไป30-40% และมีหุ้นหลายตัวที่ราคาเริ่มกลับไปทำระดับสูงสุดใหม่ (new high) ที่ควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น แล้วสับเปลี่ยนเงินไปลงทุนในหุ้นกลุ่ม Defensive ของสหรัฐฯน่าสนใจเพราะยังทำผลงานได้น้อยกว่าตลาด แต่เป็นหุ้นที่มีแนวโน้มปรับตัวได้ดีในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีหรือถดถอย หุ้น Defensiveที่แนะนำคือกลุ่มสาธารณูปโภค (Utility) เช่น พลังงานทางเลือก ที่ยังปรับขึ้นช้ากว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีค่อนข้างมาก และกลุ่ม Consumer Staples หรือสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต ที่ผลการดำเนินงานมักจะมีเสถียรภาพกว่าหุ้น S&P500 โดยรวมในช่วงตลาดขาลง
นอกจากนี้ การย้ายเงินลงทุนจากตลาดพัฒนาแล้ว ไปยังตลาดเกิดใหม่เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น หุ้นจีน A-Share ถึงแม้จะยังทำผลงานได้ดีน้อยกว่าตลาดอื่น แต่มองว่ามีความน่าสนใจลงทุนระยะยาว จึงยังให้น้ำหนักการลงทุนสูงกว่าตลาดพัฒนาแล้ว ส่วนทองคำ น้ำมัน หรือสินค้าโภคภัณฑ์ หากมีไว้ในพอร์ต 5-10% จะช่วยป้องกันความเสี่ยงเศรษฐกิจขาลงได้ กลุ่มนี้มักจะทำให้พอร์ตลงทุนโดยรวมให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบด้วยค่าความเสี่ยงที่เท่ากัน
“นักลงทุนคาดหวังผลตอบแทนปลายทางที่เป็นบวกตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ทั้งสิ้น แต่เนื่องจากการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้น ระหว่างทางที่ลงทุนอาจจะมีสถานการณ์เข้ามากระทบ ทำให้ผลตอบแทนของสินทรัพย์บางประเภทปรับลดลง หรือผันผวนบ้าง แต่หากนักลงทุนมีระยะเวลาให้เงินลงทุนได้ทำงานนานมากเพียงพอ และมีการจัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อกระจายความเสี่ยงให้สอดคล้องกับความสามารถยอมรับความเสี่ยงของตัวเอง ที่สุดแล้วหนทางแห่งความสำเร็จของการลงทุนจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายศรชัย กล่าว
SPREME เร่งปิดดีล M&A ดันผลงานโต Double Digit
GUNKUL เซ็น PPA กับ กฟผ. เล็งขายไฟฟ้าเพิ่ม 31 MW
SAV ไตรมาส 1 เที่ยวบินกัมพูชาโตกว่า 20%
EXIM BANK สินเชื่อไตรมาสแรกโต 7% หนุนกำไรแตะ 132 ล้าน - LEO ทำคลอดบ.ร่วมทุน หวังปั๊มรายได้200ล.
SPREME เทรดวันแรกเหนือจอง 31.53%
APCO ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ป้องกันมะเร็ง-สมองเสื่อม