Phones





PTTมั่นใจQ2-3/63สเปรดราคาน้ำมัน-ปิโตรฯฟื้น

2019-11-27 18:34:12 611




นิวส์ คอนเน็คท์ - PTT มั่นใจไตรมาส 2-3/63 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของสเปรดราคาน้ำมัน-ปิโตรเคมี หลังสงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย เศรษฐกิจฟื้นตัว ประเมินราคาน้ำมันปีหน้าเฉลี่ย 55-65 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ยัน CEO ใหม่รับงานแบบไร้รอยต่อ


เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวในงานสัมมนา 2019 The Annual Petroleum Outlook Forum ภายใต้หัวข้อ “Sustainable Energy…Shaping A Better Future – อนาคตพลังงาน สานพลังเพื่อความยั่งยืน” ว่า คาดว่าในช่วงไตรมาส 2-3/63 จะเริ่มเห็นสเปรดราคาน้ำมัน และปิโตรเคมีกับมาฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ เริ่มมีความคลี่คลายขึ้น ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ามีการย้ายฐานการผลิตมายังไทยมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นด้วย


ขณะเดียวกัน ในปีหน้าคาดว่าความต้องการใช้น้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.0-1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้จะมีปริมาณการผลิตออกมามากอยู่ โดยคาดว่าปริมาณการผลิตของสหรัฐฯ จะอยู่ในระดับ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน กลุ่มโอเปกพลัส มีการคงกำลังผลิตอยู่ที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวันไปจนถึงเดือน มี.ค.63 แต่ต้องติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 5-6 ธ.ค.62 นี้ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลงอีกหรือไม่ ส่วนเวเนซุเอลา และอิหร่าน คาดว่ากำลังการผลิตจะหายไป 5 แสนบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในปี 63 จะอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน


ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบคาดการณ์ปี 63 ประเมินว่าจะอยู่ที่ 55 – 65 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนจะเริ่มมีความคลี่คลาย แต่ต้องติดตามเตรียมความพร้อมในการรับมือ ขณะที่ความต้องการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร อาจส่งผลกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกและความต้องการใช้น้ำมัน ขณะที่อุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตของประเทศนอกกลุ่มโอเปก เช่น สหรัฐฯในขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันเติบโตช้าลง


สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรองรับนโยบายส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของกระทรวงพลังงานนั้น ทางปตท.เตรียมความพร้อมแล้ว โดยในกลุ่มปตท.มีการลงทุนปรับปรุงโรงกลั่นเพื่อลดการผลิตน้ำมันเบนซิน และหันมาใช้แนฟทาเพื่อรองรับการผลิตปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันโรงกลั่นและโรงงานปิโตรเคมีของกลุ่มปตท.เป็นลักษณะของ complex ที่มีการกลั่นน้ำมันดีเซลและน้ำมันเครื่องบินเป็นจำนวนมาก ขณะที่มีการกลั่นน้ำมันเตาที่มีมาร์จิ้นต่ำน้อยลง


ขณะเดียวกัน กลุ่มปตท.ได้เตรียมตัวที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตแบตเตอรี่เพื่อรองรับการใช้ในอนาคต โดยเริ่มมีการติดตั้งแท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมัน เริ่มมีการศึกษาลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว


นายชาญศิลป์ กล่าวอีกว่า ปตท.อยู่ระหว่างจัดทำงบลงทุน 5 ปี (ปี 63-67) คาดว่าจะมีความชัดเจนในเดือนธ.ค.62 ซึ่งเบื้องต้นปตท.ยืนยันจะยังมีการลงทุนต่อเนื่อง โดยจะยังเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก


ส่วนการคัดเลือกผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. แทนตนที่จะครบวาระในเดือนพ.ค.63 นั้น คาดว่าจะรู้ผลในช่วงไตรมาส 1/63 ซึ่งยังมีเวลาอีก 2-3 เดือนที่จะส่งมอบงาน ทำให้มั่นใจว่าการทำงานจะมีความต่อเนื่อง ไร้รอยต่อแน่นอน ซึ่งคนที่จะเข้ามารับตำแหน่งใหม่คงจะต้องปรับตัวเพื่อรองรับปัญหาสงครามการค้าโลก แต่เชื่อว่าไม่น่าเกิน 1-2 ปีทีมงานของกลุ่ม ปตท.น่าจะปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์ได้