Phones





AMATAเผยQ4/62ขายที่ดินได้เพิ่ม200ไร่

2019-11-28 18:39:34 396




นิวส์ คอนเน็คท์ - AMATA เผย Q4/62 ยอดขายที่เพิ่มมากกว่าปีก่อน หลังมีทุนใหญ่ 2-3 ราย เข้าซื้อรวม 200 ไร่ พร้อมเดินหน้าสร้างรายได้ประจำแตะ 80% ในอนาคต เตรียมปรับระมาณการปีหน้าใหม่ หลังภาวะเศรษฐกิจชะลอ

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า ภายในไตรมาส 4/62 คาดว่ายอดโอนกรรมสิทธ์ที่ดินจะสูงกว่าช่วงไตรมาส 4/61 จากที่มีลูกค้าที่สามารถโอนกรรมสิทธ์ที่ดินได้จำนวนมากหลัง ผ่านกระบวนการขั้นตอนการซื้อที่ดินเรียบร้อยแล้ว ส่วนยอดขายที่ดิน (Pre-Land Sales) ในไตรมาส 4/2562 คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาขายที่ดินได้อีก 200 ไร่ จากลูกค้ารายใหญ่ 2-3 ราย ซึ่งขณะนี้การเจรจามีความเป็นไปได้กว่า 90% แต่ทั้งปียอมรับว่ายอดขายที่ดิน (Pre-Land Sales) ในไทย จะทำได้เพียง 700-800 ไร่ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 950 ไร่ โดย 9 เดือนปี 2562 สามารถทำยอดขายได้เพียง 526 ไร่ รวมยอดหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) ที่มีการชำระเงินมัดจำแล้วบางส่วน จึงนำมานับรวมในยอด Pre-Land Sales จำนวน 211 ไร่ นอกจากนี้ ยังมียอด LOI ที่ยังไม่มีการชะระเงินอีกกว่า 140 ไร่


"ช่วง 9 เดือนปีนี้ บริษัทมียอดโอนที่ดินแล้วจำนวน 709 ไร่ ขณะที่ยอดขายที่ดินรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) กว่า 2,417 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ส่วนใหญ่กว่า 80% ในปี 2562 ทั้งนี้ บริษัทยังคงราคาขายที่ดินที่ชลบุรี อยู่ที่ประมาณ 11 ล้านบาทต่อไร่ ส่วนที่ระยอง อยู่ที่ 4.5 ล้านบาทต่อไร่" นายวิบูลย์ กล่าว


ทั้งนี้ ที่ดินที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ ที่ดินพร้อมขาย (Land availablefor sales) โดยเป็นออกเป็นที่ดินจากชลบุรี จำนวน 631 ไร่, ที่ดินจากระยอง ที่ 1,536 ไร่ รวมกว่า 2,167 ไร่ นอกจากนี้ บริษัทยังมีที่ดินเปล่ารอการพัฒนา (Raw Land – Pending for development) ซึ่งเป็นที่ดินในพื้นที่ชลบุรี 8,330 ไร่ และที่ดินในระยอง 607ไร่ รวมเป็น 8,937 ไร่ และที่ดินที่สำหรับ Commercial Area เป็นที่ดินในชลบุรี 817 ไร่ และเป็นที่ดินในระยอง 381 ไร่ รวมเป็น 1,198 ไร่ รวมมีที่ดินในมือทั้งหมด 12,302 ไร่ ณ สิ้นไตรมาส 3/2562


นายวิบูลย์ กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมแผนพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำ (Recurring income) จากการเข้าไปร่วมลงทุนโครงการสาธารณูปโภค อย่างโรงไฟฟ้า, ระบบน้ำ, คลังสินค้า เป็นต้น ดังนั้น จึงประเมินว่า สัดส่วน Recurring income จะอยู่ที่ประมาณ 80% จากปัจจุบันไม่ถึง 50% นอกจากนี้ บริษัทได้มีการลงนามสัญญาเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และ นิคมอุตสาหกรรมในเขตย่างกุ้ง เมียนมา ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มเห็นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในปี 2563 เป็นต้นไป


สำหรับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง มองว่าเกิดจากภารวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้บริษัทต้องมีการทำประมาณการปีหน้าที่จะรวมผลกระทบดังกล่าวเข้าไปในประมาณการใหม่ด้วย จากเดิมที่คาดว่ายอดขายที่ดินจะเติบโตได้ 10% ในปี 2563 อย่างไรก็ ดีคาดว่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ได้ในช่วงเดือน ม.ค.63 หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป