Phones





โบรกฯ ชี้ราคาหุ้น PTG ยังมี Upside 32% แนะนำ "ซื้อ"

2023-09-12 09:21:43 92



นิวส์ คอนเน็คท์ - บล.หยวนต้า ส่องแนวโน้ม PTG คาดได้รับผลกระททบในวงจำกัด กรณีรัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนลดราคาพลังงาน มองกำไรปกติ Q3 แตะ 250-300 ล้านบาท และทั้งปีคาดทำได้ 1,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากปีก่อน ให้ราคาเหมาะสม 13.20 บาท ยังมี Upside 32% แนะนำ "ซื้อ"

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2566 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินแนวโน้ม บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาขน) หรือ PTG โดยระบุว่า กรณีที่รัฐบาลได้มีการประกาศนโยบายเร่งด่วนเกี่ยวกับการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้แก่ประชาชน โดยรัฐบาลจะสนับสนุนให้เกิดการบริหารจัดการราคาพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในทันที เบื้องต้น คาดว่านโยบายดังกล่าวจะไม่มีการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันดีเซลในปัจจุบันซึ่งอยู่ในระดับ 1.90-2.00 บาท/ลิตร (อิง EPPO) แต่จะใช้การลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลแทน (แบบเดียวกับช่วง ก.พ. 2565 – ก.ค. 2566) ปัจจุบันภาครัฐมีการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ระดับต่ำ 32 บาท/ลิตร และมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลที่ราว 5.99 บาท/ลิตร จึงมองว่าการที่ภาครัฐจะไม่แทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันจะทำให้ให้ค่าการตลาดน้ำมันสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง และหนุนการฟื้นตัวของกำไรในช่วงที่เหลือของปี

เบื้องต้น คาดกำไรปกติ Q3/66 ที่ระดับ 250-300 ล้านบาท เติบโต YoY และ QoQ แม้ปริมาณขายน้ำมันมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากไตรมาสก่อน ตามปัจจัยฤดูกาล หลังได้แรงหนุนจากค่าการตลาดน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับ 1.70 บาท/ลิตร +/-และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจปาล์ม (PPPGC) ที่คาดผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน Q3/65 หลังปริมาณความต้องการใช้ไบโอดีเซลฟื้นตัวตามปริมาณการเดินทางในประเทศ 

หากมองไป Q4/66 คาดกำไรปกติฟื้นตัวเด่นทั้ง YoY และ QoQ และเป็นจุดสูงสุดของปีจาก 1) แนวโน้มค่าการตลาดน้ำมันที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง 2) คาดปริมาณขายทำระดับสูงสุดใหม่รายไตรมาสที่ระดับ 1,600 ล้านลิตร +/- (ผลจากการเข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวและช่วง High Season ของการท่องเที่ยวในประเทศ) และ 3) การขยายสาขาธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทยเป็น 1,200 สาขาภายในปี 2566 (มี 703 สาขา ณ สิ้น Q2/66) ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น Q2/67 ที่ 13.20 บาท/หุ้น ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" 

โดยคงกำไรปกติปี 2566 ที่ 1,005 ล้านบาท (+8% YoY) แต่ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้น Q2/67 ที่ 13.20 บาท/หุ้น (อิง PER 17.5 เท่า) มี Upside +32.0% โดยราคาหุ้นมีการปรับตัวลงราว -8% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายลดค่าน้ำมันของรัฐบาลที่อาจมีการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมัน ส่งผลให้ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2566-67 เพียง 16.6 เท่า และ 11.0 เท่าตามลำดับ จึงมองว่าเริ่มมี Downside จำกัดแล้ว และในกรณีที่ภาครัฐไม่มีการประกาศมาตรการแทรกแซงค่าการตลาดน้ำมันจริง คาดส่งผลให้ราคาหุ้นฟื้นตัวตามผลประกอบการได้ในระยะกลาง-ยาว จึงปรับคำแนะนำจาก “TRADING”
ขึ้นเป็น “ซื้อ”