Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
SPREME เร่งปิดดีล M&A ดันผลงานโต Double Digit
MAI
LEO ลุยจับมือพันธมิตรตั้งบ.ย่อยใหม่ 2 แห่ง
IPO
CFARM เตรียมขาย IPO 149 ล้านหุ้น ระดมทุนเข้า mai
บล./บลจ
KH Academy ผนึกพันธมิตรเปิด ‘KH Legal Aid’
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
SCB EIC เดาใจ กนง. ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง สู่ระดับ 2.00%
การค้า - พาณิชย์
TikTok ผนึก SME D Bank เสริมทักษะดิจิทัล – แหล่งเงินทุนแก่เอสเอ็มอี
พลังงาน - อุตสาหกรรม
TGE ดันผลงานปี 67 โต 10% พร้อมลุยประมูลงานใหม่อีก 30 MW
คมนาคม - โลจิสติกส์
SJWD เซ็นสัญญารับงาน ‘กลุ่มแอสเซทไวส์’
แบงก์ - นอนแบงก์
EXIM BANK สินเชื่อโต7% เดินหน้าหนุนธุรกิจ Green Export Supply Chain
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
TIDLOR อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด ขึ้น XD 24 เม.ย. 67
SMEs - Startup
BTG จัดตั้ง “Betagro Ventures” ลุยลงทุน “FoodTech & AgriTech”
ประกันภัย - ประกันชีวิต
MTL Click คว้ารางวัลสุดยอดสินค้าและบริการแห่งปี
รถยนต์
GPI โชว์ยอดจองรถงาน “มอเตอร์โชว์” 58,611 คัน
ท่องเที่ยว
ttb analytics ประเมินเงินสะพัดกว่า 4.2 หมื่นล.ในช่วงสงกรานต์ปี 67
อสังหาริมทรัพย์
A5 บอร์ดไฟเขียวออกวอร์แรนต์ A5-W4
การตลาด
M-150 Sparkling ผนึกกำลัง RoV เขย่าวงการอีสปอร์ต
CSR
BTG จัดตั้ง “Betagro Ventures” ลุยลงทุน “FoodTech & AgriTech”
Information
BLC ลงนามสัญญาก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ขยายกำลังผลิตรองรับการเติบโต
Gossip
HENG ออกหุ้นกู้ครั้งแรก จำนวน 2 ชุด
Entertainment
fintips by ttb ชวนพิชิตหนี้ด้วย 3 สิ่งต้องรู้
สกุ๊ป พิเศษ
NER เดินหน้าโตแกร่ง ควบคู่เน้น ESG
‘บลจ.อเบอร์ดีน’ ส่องหุ้นไทยลุ้น 1,663 จุด ลุ้นฟันด์โฟลว์ไหลกลับ
2023-09-20 17:04:20
64
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – “บลจ.อเบอร์ดีน” มองตลาดหุ้นไทยช่วง 6-12 เดือนข้างหน้าปรับตัวขึ้นจาก 4 ปัจจัยหนุน พร้อมลุ้นฟันด์โฟลว์ไหลกลับเข้าตลาด วางกรอบดัชนี 1,530-1,663 จุด ส่องนโยบายรัฐบาลชุดใหม่หนุนหลายกลุ่มอุตสาหกรรมได้ประโยชน์ แนะกองทุน ABSM โอกาสเติบโตกับหุ้นขนาดกลาง-เล็กในไทย เน้นลงทุน 4 ธีมหลัก
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย หัวหน้าฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า อเบอร์ดีนมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นต่อได้ใน 6-12 เดือนข้างหน้า จาก 4 ปัจจัยหนุน ได้แก่ 1.เศรษฐกิจที่คาดว่ายังเติบโตได้ดีจากแรงสนับสนุนของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดจำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้แตะ 27-30 ล้านคน รวมกับการบริโภคในประเทศที่ยังเติบโตได้ดี แม้ส่งออกจะฟื้นตัวช้ากว่าคาด และขาดเม็ดเงินลงทุนจากรัฐบาลช่วงระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยคาดการณ์จีดีพีปีนี้ยังโตได้ 3.1% หลังจากได้รัฐบาลใหม่
2.กำไรบริษัทจดทะเบียนในครึ่งปีหลังของปี 2023 คาดว่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยกลุ่มที่ยังมี upside potential ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ค้าปลีก, 3.นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะทยอยออกมา จะเริ่มส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป และ 4.Valuation หุ้นไทยยังถือว่าถูก ขณะที่ผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทย เมื่อเทียบจากดัชนีไทยหุ้นตั้งแต่ต้นปี และย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2562 ยังเป็นประเทศที่ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในภูมิภาคนี้ จึงมองโอกาสที่เงินลงทุนจากต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาลงทุนในไทย
สำหรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. 2566 เป็นต้นมา เริ่มเห็นบางนโยบายที่ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม และน่าจะเริ่มเดินหน้าผลักดันนโยบายได้ทันที ดังนี้ 1.นโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยว ยกเลิกการขอวีซ่าในการเดินทางเข้าประเทศไทย สำหรับประเทศจีนและคาซัคสถาน โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 2566 - 29 ก.พ. 2567 และได้พูดคุยกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้ง ททท. ฝ่ายความมั่นคง และการท่าอากาศยาน เพื่อเตรียมพร้อมทุกภาคส่วนให้พร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งอเบอร์ดีนประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวทุก ๆ 1 ล้านคนที่เพิ่มขึ้นจะหนุนจีดีพีโตประมาณ 0.3%
2.นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ทั้งลดค่าไฟฟ้า จาก 4.45 บาท เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย ซึ่งจะเริ่มในรอบการชำระเงินเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป คาดใช้งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาท และลดราคาน้ำมันดีเซลให้ราคาต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร โดยจะเริ่มได้ในวันที่ 20 ก.ย. - 31 ธ.ค. 2566 ซึ่งคาดใช้งบประมาณอีก 1.5 หมื่นล้านบาท รวมทั้งสองส่วน คาดว่าจะช่วยทำให้เงินเฟ้อลดลง 0.2-0.3% และกรณี best case จะช่วยเพิ่มจีดีพี 0.2-0.3%
ขณะที่นโยบายแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ด้วยการพักชำระหนี้ให้เกษตรกร และSME ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นระยะ 3 ปี มองว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของกลุ่มประชาชนที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแผนเก็บภาษีขายหุ้นตลอดวาระ 4 ปี ส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนหุ้นไทย ขณะเดียวกันยังคงมีนโยบายที่ต้องติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น นโยบาย Digital wallet 10,000 บาทต่อคน อาจต้องใช้เวลา เนื่องจากรัฐบาลต้องจัดการเรื่องรายละเอียดโครงการ และระบบ wallet คาดจะเริ่มใช้จริงก่อนสงกรานต์ปีหน้า
ในส่วนของนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนว่าจะปรับขึ้นในอัตราเท่าไหร่ และจะปรับขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งเราคาดว่าหากจะมีการพิจารณาจริงก็น่าจะเป็นภายในปีหน้า มองการปรับขึ้นจะค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหากปรับขึ้น 100 บาท คาดว่าจะส่งผลบวกสุทธิต่อจีดีพีประมาณ 0.7% ขณะเดียวกันมองหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว ขนส่งและโลจิสติกส์ ค้าปลีก ธนาคารและการเงิน รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
“อเบอร์ดีนมองหุ้นไทย downside risk ค่อนข้างจำกัด ขณะที่ upside ยังเปิดอยู่พอสมควร ประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ 1,530-1,663 จุดและคาดการณ์ EPS Growth ของดัชนีหุ้นไทยปีนี้ -2% จากครึ่งปีแรก -25% ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาด จึงมองครึ่งปีหลังนี้ต้องเห็นการเติบโตที่ดีกว่า โดยเฉพาะไตรมาส 4 มองกลุ่มธนาคาร, ค้าปลีก, ขนส่งและโลจิสติกส์, โรงแรม, ร้านอาหาร และอิเล็กทรอนิกส์ น่าจะเห็นการเติบโตดีต่อจนถึงปีหน้า” นางสาวดรุณรัตน์ กล่าว
สำหรับกองทุนหุ้นไทยของบลจ.อเบอร์ดีน แนะนำ "ซื้อ" กองทุน ABSM โอกาสเติบโตต่อกับหุ้นขนาดกลาง-เล็กในไทยที่มีศักยภาพเติบโตสูง พร้อมก้าวเป็นบริษัทขนาดใหญ่ในอนาคต เน้นลงทุนใน 4 ธีม ได้แก่ Tourism, Health & Beauty, EV และ Eating & Dining โดยกองทุนบริหารจัดการในเชิงรุก ซึ่งในช่วงที่ตลาดปรับตัวลดลงมาก่อนหน้าผู้จัดการกองทุนได้มีการปรับพอร์ต เก็บหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูง ทั้งนี้คาดการณ์ EPS Growth 2023 ของพอร์ตเติบโต 55.3%
“ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาก่อนหน้านี้ ประกอบกับโอกาสการเติบโตในอนาคตของบริษัทที่ อเบอร์ดีน เลือกลงทุน ทำให้คาดการณ์ว่ายังมี Upside potential อยู่” นางสาวดรุณรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้กองทุน ABSM มีให้เลือกทั้งชนิดสะสมมูลค่า ได้แก่ ABSM กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ – ชนิดสะสมมูลค่า และกองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษี ได้แก่ ABSM-SSF กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ – ชนิดเพื่อการออม และ ABSM-RMF กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สมอล-มิดแค็พ เพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งใช้นโยบายการลงทุนแบบเดียวกัน (กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6) โดยในปีนี้ ABSM สามารถคว้ารางวัลกองทุนหุ้นไทยยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 จากการจัดอันดับโดยวารสารการเงินธนาคาร
SPREME เร่งปิดดีล M&A ดันผลงานโต Double Digit
GUNKUL เซ็น PPA กับ กฟผ. เล็งขายไฟฟ้าเพิ่ม 31 MW
SAV ไตรมาส 1 เที่ยวบินกัมพูชาโตกว่า 20%
EXIM BANK สินเชื่อไตรมาสแรกโต 7% หนุนกำไรแตะ 132 ล้าน - LEO ทำคลอดบ.ร่วมทุน หวังปั๊มรายได้200ล.
SPREME เทรดวันแรกเหนือจอง 31.53%
APCO ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ป้องกันมะเร็ง-สมองเสื่อม