Phones





‘อินโนเวสท์ เอกซ์’ จับสัญญาณดัชนี SET ลุ้นแตะ 1,750 จุด

2023-09-25 18:16:18 111



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – “อินโนเวสท์ เอกซ์” ส่องเศรษฐกิจไทยปี 67 มีโอกาสฟื้นตัวรับปัจจัยหนุนจากการเมืองที่มีเสถียรภาพ และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดจีดีพีปี 67 โต 4.1% ด้านดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะ 1,750 จุด จากปลายปี 66 ที่คาดอยู่ในระดับ 1,650 จุด ส่งซิกหุ้นเด็ดกลุ่มโรงพยาบาล, ท่องเที่ยว และค้าปลีก
 
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีการชะลอตัวลงค่อนข้างมาก แต่มองว่าในอนาคตจะมีแรงหนุนจากความชัดเจนทางการเมือง และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2567 จะขยายตัว 4.1% จากปี 2566 ที่ขยายตัว 2.7%ซึ่งเป็นผลมาจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลเพื่อไทยจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้อีก 1%
 
นอกจากนี้ คาดว่ากระแสเงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้าสู่ตลาดไทยอีกครั้งโดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก 1.แนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นของเศรษฐกิจจีน, 2.การเสร็จสิ้นการปรับลดอันดับเครดิต ผลประกอบการ และ จีดีพี, 3.นโยบายการเงินที่เริ่มลดระดับความตึงตัวของ Fed และ 4.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ และ การท่องเที่ยว โดยประเมินเป้าหมาย SET Index ปี 2566 อยู่ที่ 1,650 จุด โดยมองแนวรับไว้ที่ 1,500 จุด แต่มี Downside risk ที่ 1,450 จุด โดยผลตอบแทนที่คาดหวังอยู่ที่ 5-7% ขณะที่เป้าหมายดัชนีปี 2567 อยู่ที่ 1,750 จุด
 
“ความเสี่ยง 2 ข้อที่ยากจะมองข้าม ได้แก่ ระดับน้ำที่ต่ำ และ ฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลสำคัญ การเกิดเอลนีโญระดับรุนแรงจะสร้างความเสียหายต่อผลผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของเกษตรกร แต่จะถูกผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมาช่วยในไตรมาสที่ 1 และ ในกรณีที่รัฐบาลเลือกที่จะกู้เงินเพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจส่งผลต่อความเข้มแข็งทางการคลัง” นายสุกิจ กล่าว
 
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำโฟกัสไปที่หุ้นที่กำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือ ทำจุดต่ำสุดแล้ว และ สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเน้นหุ้นวัฏจักรที่มีความสัมพันธ์กับการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคภายในประเทศสูง ซึ่งจะได้รับโมเมนตัมเชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ การฟื้นตัวของกำไร
 
โดยหุ้นเด่นในไตรมาส 4/2566 ได้แก่ AOT เพราะมี Traffic เติบโตแข็งแกร่ง กำไรเติบโตแข็งแกร่ง, BCH กำไรฟื้นตัว การปรับเพิ่มอัตราการเหมาจ่ายของประกันสังคม Valuation สมเหตุสมผล, CRC กำไรฟื้นตัว และ ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, KCE แรงกดดันด้านต้นทุนลดลง อุปสงค์ฟื้นตัว การเติมสินค้าคงคลังของจีน กำไรผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และ KTB จะมีกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
 
ด้านนายพสุวุฒิ วิไลนิรันดร์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในไตรมาส 4/2566 ยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และ ยุโรป ปัญหาเศรษฐกิจภายในของจีน เงินเฟ้อระลอกใหม่ รวมถึงดอกเบี้ยโดยรวมของโลกยังอยู่ในระดับสูง การลงทุนจึงยังเป็นลักษณะการลงทุนแบบระมัดระวัง มุ่งเน้นคัดเลือกหุ้นของกิจการที่ดีเป็นรายตัว
 
โดยประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วกว่าประเทศไทย เช่น ประเทศเวียดนาม ที่มีประชากรเกือบ 100 ล้านคน ขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าประเทศไทยค่อนข้างมาก ส่งผลให้อัตราการเติบโตของจีดีพีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงถึง 6-7% ต่อปีสูงกว่าประเทศไทยถึง 2 เท่าตัว และประเทศอินโดนีเซีย ด้วยจำนวนประชากรมากกว่า 270 ล้านคน มากเป็นอันดับ 4 ของโลก รองจากจีน อินเดีย และ สหรัฐฯ และ ถึงแม้มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในอาเซียน แต่ก็ยังคงเติบโตด้วยอัตรา 5% ต่อปี ซึ่งทั้งสองประเทศได้รับเม็ดเงินจากบริษัทข้ามชาติที่ย้ายฐานผลิตเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเม็ดเงินจากการลงทุนทางตรงในปีที่แล้วของประเทศเวียดนาม และ อินโดนีเซียนั้นสูงคิดเป็น 2 และ 4 เท่าเมื่อเทียบกับของประเทศไทยตามลำดับ
 
โดยอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของประชากรคนชั้นกลาง ได้แก่ กลุ่มสิ่งของอุปโภคและบริโภคต่างๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อสินค้าจาก ผ่านร้านค้าทั่วไป (Traditional Trade) เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว และ การเข้าถึงสินเชื่อรายย่อยของประชาชนทั่วไปซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ และ สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในอนาคต