Phones





BAYส่องจีดีพีโต2.5%-เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

2019-12-12 16:36:01 434




นิวส์ คอนเน็คท์ - BAY ประเมินตัวเลขจีดีพีของไทยปี 63 ขยายตัว 2.5% รับแรงส่งจากการลงทุนภาครัฐและการเบิกจ่ายงบประมาณ หวังพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 เริ่มเบิกใช้ภายในต้นปีหน้า ด้านค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า วางกรอบทั้งปีไว้ที่ 29.50-31.00 บาท แนะผู้ประกอบการบริหารต้นทุนดอกเบี้ยเพื่อช่วยพยุงความสามารถในการแข่งขัน


เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 62 นายตรรก บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 63 คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยจากปี 62 โดยคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย หรือ จีดีพี ไว้ที่ระดับ 2.5% จากปี 62 ที่คาดการณ์ตัวเลขจีดีพีเติบโต 2.4% โดยปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยในปี 63 คือการลงทุนภาครัฐ และการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งคาดว่า พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 จะเริ่มใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ 63


ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทของไทยในปี 63 ประเมินว่ายังอยู่ในทิศทางแข็งค่าราว 1-2% ซึ่งจะเป็นการแข็งค่าสอดคล้องไปกับค่าเงินสกุลอื่นๆในภูมิภาค โดยแตกต่างจากปีนี้ที่ค่าเงินบาทมีการแข็งค่าสูงถึงกว่า 7% ซึ่งเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาค เนื่องจากประเทศไทยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นจำนวนมาก รวมทั้งการชะลอตัวของภาคการส่งออกจากผลกระทบปัญหาสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน


ทั้งนี้ทางโกลบอลมาร์เก็ตส์ได้ประเมินกรอบค่าเงินบาทในปี 63 ไว้ที่ระดับ 29-50-31.00 บาท โดยคาดว่าฟันโฟล์วในปีหน้าจะไม่ไหลเข้าสู่ประเทศไทยมากเท่ากับช่วงต้นปี 62 เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอินเดีย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย รวมทั้งหากการเจรจาปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนเป็นไปในทิศทางที่ดีจะส่งผลบวกต่อภาคการส่งออกของไทย


อย่างไรก็ตาม มองว่าผู้ประกอบการของไทยยังควรที่จะเพิ่มความระมัดระวังต่อปัจจัยเสี่ยงต่างๆ รวมไปถึงการบริหารต้นทุนธุรกิจ โดยเฉพาะต้นทุนดอกเบี้ย เนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาทอาจส่งผลให้ศักยภาพในการแข่งขันของไทยลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ดังนั้น ผู้ประกอบการของไทยจำเป็นที่จะต้องหาวิธีการแข่งขันด้านอื่นๆเพื่อให้ยังสามารถแข่งขันด้านการส่งออกได้


ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.25% ตลอดปี 63 แต่มีโอกาสลดอัตราดอกเบี้ยลง 1 ครั้งเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะมองว่าประสิทธิผลของการลดดอกเบี้ยจะค่อนข้างจำกัด ขณะที่ภาวะอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกมองว่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยคาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในช่วงไตรมาส 4/63 ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง