Phones





BBL โชว์กำไร 9 เดือนกระฉุด 3.2 หมื่นล.

2023-10-19 17:46:21 80



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – BBL อวดผลงานไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% ขณะที่งวด 9 เดือนโกยกำไรสุทธิ 3.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย ขณะที่สินเชื่อช่วง 9 เดือนแรกปี 66 เติบโต 1.5% โดยเป็นการเติบโตของสินเชื่อรายใหญ่และสินเชื่อต่างประเทศ
 
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2566 มีกำไรสุทธิ 11,350 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2566 จำนวน 32,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 33.3% สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นสุทธิกับการทยอยเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินรับฝากและการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.96% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 
 
สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 16.4% ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจและส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานลดลงอยู่ที่ 46.4% ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง จึงมีการตั้งสำรองในไตรมาส 3/2566 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน โดยสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 9 เดือนปี 2566 มีจำนวน 26,323 ล้านบาท
 
โดย ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,723,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.5% จากสิ้นปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 3.0% ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 283.3%
 
ขณะที่ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนก.ย. 2566 จำนวน 3,163,297 ล้านบาท ลดลง 1.5% จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 86.1% ในส่วนของอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.6%, 16.2% และ 15.4% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด