นิวส์ คอนเน็คท์ – IRPC ชงบอร์ดพิจารณาแผนลงทุน 5 ปี คาดใช้งบลงทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท รวมลงทุนโครงการ MARs หวังเดินหน้าคุยลงทุนบริษัทในกลุ่มปตท.ต่อกลางปีหน้า ขณะที่ปี 63 อัดงบ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท ลุยลงทุนโรงกลั่นผลิตน้ำมันยูโร5 พร้อมลงทุนซื้อกิจการธุรกิจเม็ดพลาสติกพีพี คอมพาวด์ คาดผลประกอบการฟื้นตัวหลังสงครามการค้าเริ่มคลี่คลาย

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า วันที่ 17 ธ.ค.นี้ จะมีการนำเสนอแผนลงทุน 5 ปี (2563-2567) เข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) พิจารณา คาดว่าจะใช้งบลงทุนกว่า 50,000 ล้านบาท รวมการลงทุนโครงการ Maximum Aromatics (MARs) หรือการผลิตผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์
โดยโครงการ MARs จะมีการนำมาพิจารณาถึงแผนการลงทุนอีกครั้งในกลางปี 63 หลังจากปัจจุบันพบว่าจีนมีการลงทุนโครงการผลิตพาราไซลีน (PX) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาอ่อนตัวลงหลังจากมีปริมาณออกมาในตลาดมาก จึงต้องชะลอการเจรจากับพันธมิตรออกไปก่อน และในช่วงนี้บริษัทจะมุ่งเน้นหาซื้อกิจการและลงทุนในโครงการอื่นก่อน

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการชะลอพิจารณาลงทุนนโครงการนี้ แต่ยังได้ดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) อยู่ และที่ผ่านมาได้มีการเจรจากับบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เพื่อร่วมลงทุนในโครงการนี้

ส่วนในปี 63 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 1.1-1.2 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการ Ultra Clean Fuel (UCF) ซึ่งเป็นโรงกลั่นรองรับการผลิตน้ำมันมาตรฐานยูโร5 มูลค่าการลงทุนรวมราว 7,000-8,000 ล้านบาท แต่จะเริ่มใช้งบลงทุนในปีหน้าประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างปลายปี 63 และสามารถเดินเครื่องผลิตได้ไตรมาส 4/65

นอกจากนี้ ยังเตรียมงบในการลงทุนซื้อกิจการราว 4,000-5,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีความชัดเจนในการซื้อกิจการได้อย่างน้อย 2 โครงการ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการโรงงานเกี่ยวกับธุรกิจเม็ดพลาสติกพีพี คอมพาวด์ (PP compound) เป็นเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ 1 โครงการสำหรับผลิตชิ้นส่วนรถยนต์

ขณะที่ผลประกอบการในปี 63 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว ซึ่งจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฟื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการผลิตน้ำมันเตากำมะถันต่ำตามมาตรฐาน IMO หรือ องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดให้เรือเดินสมุทรใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ 0.5% จากเดิม 3.5% เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.63