Phones





NER อวดรายได้ 9 เดือน เพิ่มขึ้น 353 ล. รับแรงหนุนจากออเดอร์พุ่ง

2023-11-06 18:03:43 355



นิวส์ คอนเน็คท์ - NER แจ้งงบ 9 เดือน บริษัทมีปริมาณขาย 369,478 ตัน เพิ่มขึ้น 60,868 ตัน คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 18,439.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 353.55 ล้านบาท รับแรงหนุนจากปริมาณขายยางแท่งที่เพิ่มขึ้นตามออดเดอร์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มั่นใจยอดขายปี 66 ทำได้ 500,000 ตันตามเป้าหมาย
 
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2566 มีปริมาณขาย 369,478 ตัน เพิ่มขึ้น 60,868 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 19.72% คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 18,439.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 353.55 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 1.95% แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 11,949.62 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64.80% ของยอดขายรวม และรายได้จากการขายต่างประเทศ 6,490.28 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.20% ของยอดขายรวม โดยงวด 9 เดือนของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,083.87 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.88% ของรายได้จากการขายรวม
 
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2566 บริษัทมีปริมาณขายรวม 112,426 ตัน คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 5,627.92 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากการขายในประเทศ 4,035.91 ล้านบาทหรือคิดเป็น 71.71% ของยอดขายรวม และรายได้จากการขายต่างประเทศ 1,592.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.29% ของยอดขายรวม โดยกำไรสุทธิสำหรับงวดไตรมาส 3/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 312.27 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.55% ของรายได้จากการขายรวม
 
โดยรายได้จากการขายงวด 9 เดือนของปี 2566 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มียอดขายเพิ่มขึ้น 1.95% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นด้านปริมาณขาย ในผลิตภัณฑ์ยางแท่ง (STR20, STR-Mixture) ที่บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้บริษัทจะมีผลต่างปริมาณขายสูงขึ้น 19.72% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ในด้านรายได้จากการขายบริษัทยังคงได้รับผลกระทบจากราคาขายที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อน ซึ่งบริษัทเปรียบเทียบราคาขายเฉลี่ยในช่วง 9 เดือนของปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ซึ่งราคาขายเฉลี่ยปี 2566 ต่ำกว่าราคาขายเฉลี่ยปี 2565 คิดเป็น 14.55% นอกจากนี้รายได้ขายต่างประเทศที่ลดลงเกิดจากการเลื่อนการส่งมอบสินค้าไปยังประเทศจีนเนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดวันชาติจีนคิดเป็นปริมาณขายอยู่ที่ 6,651.20 ตันหรือ 324.98 ล้านบาท โดยบริษัทฯมีการรับรู้รายได้ดังกล่าวในไตรมาส 4/2566
 
สำรับภาพรวมปี 2566 ว่า บริษัทยังคงตั้งเป้าปริมาณขายสินค้าที่ 500,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 515,600 ตัน โดยการเติบโตมาจากการขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าต่างๆ และความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทยังได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีการขายให้กับลูกค้าไปถึงไตรมาสที่ 1/2567 แล้ว จากอานิสงค์ของคำสั่งซื้อจากประเทศจีนที่ยังมีความต้องการสูงและราคายางที่ปรับตัวดีขึ้น
 
นอกจากนี้ บริษัทมีการวางแผนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการดำเนินงาน เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรเพื่อรองรับการผลิตที่มากขึ้นในอนาคต ตลอดจนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงานเพิ่มเติม โดยปัจจุบันบริษัทฯมีพลังงานหมุนเวียน คือ พลังงานจากแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)และไบโอแก๊สที่ผลิตเพื่อใช้งานเองภายในบริษัท รวมกำลังการผลิต 8 เมกกะวัตต์ ซึ่งช่วยลดต้นทุนค่าพลังงานของบริษัทได้เป็นอย่างดี
 
ด้านสถานการณ์ราคายางพารา เริ่มมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาด (Demand) ภาวะฟื้นตัวของอุตสาหกรรมทั้งตลาดในและต่างประเทศ และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มขยายตัวหนุนความต้องการใช้ยางในภาคก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าดูอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเศรษฐกิจโลกยังได้รับกดดันจากอัตราดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ค่าเงินบาท