Phones





SFLEX ประกาศแผน3ปีมั่นใจโตต่อเนื่อง

2019-12-19 11:53:18 647




นิวส์ คอนเน็คท์ - SFLEX เปิดแผน 3 ปี หวังโตเฉลี่ย 10-15% ตามฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม พร้อมเดินหน้าสร้างโรงงานใหม่ - จ่อลุยธุรกิจใน CLMV ระบุ IPO รูดลงวันแรก เหตุผลงานปีนี้มีแววทรงตัวตามเศรษฐกิจชะลอ และสภาพตลาดไม่เป็นใจ


เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดการซื้อขายหุ้น SFLEX วันแรก ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ในระยะเวลา 3 ปี (2563-2565) เติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15% พร้อมกับรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ในระดับตัวเลขสองหลัก ซึ่งสอดคล้องกับอดีตที่ผ่านมาที่บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10% เนื่องด้วยได้ทำการขยายฐานลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันที่มีลูกค้าประมาณ 35-37 ราย ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่จำนวน 4 ราย โดยในปีหน้าบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าในมือเป็น 40 ราย


อีกทั้งปัจจุบันบริษัทฯ ได้ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เสร็จแล้ว ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 204 ล้านเมตรต่อปี และในปีหน้า บริษัทฯ ยังมีแผนเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ให้แก่ลูกค้ารายเดิมด้วยเช่นกัน รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีความพร้อมที่จะผลิตสินค้าที่ย่อยสลายได้ โดยปัจจุบันบริษัทฯมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด Flexible Packaging ซึ่งหากลูกค้ามีความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดดังกล่าว บริษัทฯ สามารถเดินเครื่องผลิตได้ทันที นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนขยายตลาดไปยังกลุ่ม CLMV ด้วยเช่นกัน และคาดจะเริ่มเห็นการขยายอย่างชัดเจนภายในปี 2564


สำหรับผลประกอบการปี 2562 บริษัทฯ ยอมรับว่าจะทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้ 1,374.25 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 136.11 ล้านบาท หลังบริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อลดลง โดยเฉพาะจากลูกค้ารายใหญ่ 4 ราย


ในส่วนของราคาหุ้นที่เปิดเทรดวันแรกที่ 3.64 บาท ปรับตัวลดลง 0.24 บาท หรือคิดเป็น 6.19% จากราคาไอพีโอ 3.88 บาท เป็นไปตามภาวะตลาดในขณะนี้ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน แต่อย่างไรก็ตาม หากดูในภาพรวมของผลประกอบการของบริษัทฯ ยังคงมีพื้นฐานแข็งแกร่ง และเป็นหุ้นโกร้ทสต็อก พร้อมยังมีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ จึงเชื่อว่านักลงทุนจะถือหุ้น SFLEX ในระยะยาวแน่นอน


ด้านเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 426.80 ล้านบาทในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำไป ซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตฟิล์มประเภทที่ใช้ในการปิดผนึกขึ้นรูป (Sealant) จำนวน 140 ล้านบาท ใช้ลงทุนสร้างคลังสินค้า จำนวน 50 ล้านบาท ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน จำนวน 95 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงเหลือระดับ 0.6 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.5 เท่า ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต