Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
QTC Q4 จ่อส่งมอบงานทะลุเป้า 400 ล.
MAI
MMM เทรดวันแรก 'ไม่เจ็บ' ดันผลงานโต2หลัก
IPO
MMM เสริฟ์ข่าวดีก่อนเทรด mai กำไร 9 เดือนโต 155%
บล./บลจ
บล.ทรีนีตี้ ผนึก SET จัดสัมมนาใหญ่ จับจังหวะลงทุนปีม้าทอง
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
วิจัยกรุงศรี จับสัญญาณกนง.หั่นดอกเบี้ย หนุนศก.ฟื้น
การค้า - พาณิชย์
คต. หนุนผู้ส่งออกใช้ ‘Self-Certification’ หวังรับสิทธิพิเศษทางการค้า
พลังงาน - อุตสาหกรรม
กลุ่มศรีตรังคว้ามาตรฐาน FSC™ ครอบคลุมพื้นที่สวนยาง 100%
คมนาคม - โลจิสติกส์
PROSPECT REIT เข้าลงทุนเพิ่มเติมใน ‘BFTZ 6’ มูลค่า 970 ลบ.
แบงก์ - นอนแบงก์
ยูโอบี ผนึก สกพอ. จัดโรดโชว์ประเทศจีน หนุนลงทุน EEC
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
PUEAN ชำระคืนหุ้นกู้ตามนัด ลุยดันพอร์ตสินเชื่อแตะพันล้าน
SMEs - Startup
SCB 10X ร่วมลงทุนรอบ Series B ใน ‘BlinkOps’
ประกันภัย - ประกันชีวิต
อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต เปิดตัว “แพ็ครับมือโรคร้าย”
รถยนต์
Autoclik ลอยยางเก่า ต้อนรับยางใหม่
ท่องเที่ยว
GCAP เปิดตัวโดรนโดยสารไร้คนขับครั้งแรกในไทย เจาะตลาดการท่องเที่ยว
อสังหาริมทรัพย์
SAM แต่งตั้ง “สุวรรณี เจษฎาศักดิ์” นั่งประธานบอร์ดคนใหม่
การตลาด
King Power จับมือ Avolta ปลดล็อกสิทธิประโยชน์สมาชิกแบบไร้พรมแดน
CSR
SCB 10X ร่วมลงทุนรอบ Series B ใน ‘BlinkOps’
Information
ATP30 รับมอบรถตู้ไฟฟ้า 100%
Gossip
SMO 11 โบรกฯ ประสานเสียง “เป้า 8.80 บาท
Entertainment
ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดเยาวชนต่อยอดบอลที่สหรัฐฯ
สกุ๊ป พิเศษ
บ้านปูเดินหน้าสู่องค์กรนวัตกรรม
SCB CIO มองตลาดหุ้นอินเดียแนวโน้มสดใสแนะทยอยลงทุน
2023-11-22 18:11:40
8726
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - SCB CIO มองตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มสดใส ประเมินเศรษฐกิจ 10 ปีต่อจากนี้มีโอกาสจะเติบโตในระดับ 6-7% ต่อปี รับแรงหนุนจากการบริโภคภายในประเทศเป็นหลัก คาดจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งมาสนับสนุนการบริโภค แนะนำทยอยเข้าสะสมหุ้นอินเดียเนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูง
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโส และหัวหน้าทีม SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า SCB CIO มองว่าตลาดหุ้นอินเดียมีแนวโน้มสดใส เนื่องจาก ขนาดเศรษฐกิจอินเดียในช่วง 10 ปีจากนี้ จะเติบโต 6-7% ต่อปี ทำให้เศรษฐกิจอินเดียมีโอกาสแซงหน้าประเทศญี่ปุ่นและเยอรมนี ภายในปี 2573 ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย มาจากภายในประเทศเป็นหลัก ทั้งจากแรงหนุนภาครัฐ ภาคเอกชน และการบริโภคของประชากร
“รัฐบาลอินเดียได้มีการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจขนานใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา จึงนำไปสู่วงจรการลงทุนรอบใหม่ ทั้งจากฝั่งรัฐบาลและภาคเอกชน ขณะที่ การบริโภคได้แรงหนุนจากการขยายตัวของประชากรทั้งด้าน จำนวนประชากรวัยทำงานที่ยังอยู่ระยะขยายตัว รายได้ต่อหัวที่เพิ่มสูงขึ้น และการขยายตัวของเมือง (Urbanization) นอกจากนี้ ยังมีประเด็นการฟื้นตัวที่เด่นชัดของวัฏจักรความต้องการที่อยู่อาศัย ความแข็งแกร่งของงบดุลภาคธนาคารและภาคครัวเรือน เป็นฐานสำคัญสนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อ อีกทั้งมีปัจจัยจากการเมืองอินเดีย ที่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งมาสนับสนุนการบริโภคด้วย” ดร.กำพล กล่าว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นอินเดีย มีมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ประมาณ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. มีขนาดใหญ่อันดับ 5 ของโลก กำลังได้แรงหนุนจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนลดหย่อนภาษีจากรัฐบาล โดยดัชนีหลักที่นักลงทุนติดตาม ได้แก่ Nifty 50 และ Sensex ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่สุด คือ กลุ่มการเงิน ตามด้วย เทคโนโลยีสารสนเทศ และพลังงาน ขณะที่ ปัจจุบัน Fund Flow ของนักลงทุนภายในประเทศเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้น หลังรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้ภาคครัวเรือนเก็บออมเพื่อการเกษียณผ่านกองทุน Systematic Investment Plans หรือ (SIPs) ซึ่งเป็นการลงทุนที่ลดหย่อนภาษีได้ และมีระบบช่วยในการลงทุนเป็นประจำรายเดือน
โดยจากความน่าสนใจของตลาดหุ้นอินเดีย ทำให้ เรามีมุมมอง Slightly Positive หรือแนะนำให้ทยอยลงทุนได้สำหรับตลาดหุ้นอินเดีย เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศอื่นในภูมิภาค และผลบวกจาก Election Rally เราเชื่อว่า รัฐบาลจะมีมาตรการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และ การบริโภคในช่วงก่อนการเลือกตั้งรัฐบาลรอบเดือน เม.ย - พ.ค. 2567 ขณะที่ แรงกดดันของ Fund Flow ไหลออกเริ่มลดลง หลังจากตลาดมีมุมมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และ มีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงกลางปีหน้า นอกจากนี้ การที่พันธบัตรประเทศอินเดียจะถูกรวมเข้าคำนวณในดัชนี JP Morgan Local Government Bond index (GBI-EM GD) ในช่วงระยะเวลา 10 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย. 2567 เป็นต้นไป จะช่วยเพิ่มเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนอินเดีย และ ลดความเสี่ยงของ fund flow ไหลออกในอนาคต
ในส่วนของตลาดหุ้น ดัชนี MSCI ก็ได้เพิ่มน้ำหนักหุ้นอินเดียใน ดัชนี MSCI Emerging Market จาก 15.9% สู่ระดับ 16.3% ซึ่งจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจการลงทุนในหุ้นอินเดียต่อนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนและETF ที่มีกลยุทธ์แบบ Passive Investment และคาดว่าจะมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มเติมอีก 1.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หลังจากการปรับปรุงน้ำหนัก ขณะที่ เงินเฟ้อชะลอความร้อนแรงลง โดยอัตราเงินเฟ้อเคยอยู่สูงสุดในเดือน ก.ค. 2566 ที่ 7.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และได้ลดลงสู่ระดับ 4.8%จากช่วงเดียวกันปีก่อน ในเดือน ต.ค. 2566 และ มีแนวโน้มลดลงต่อ ทำให้มีโอกาสที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ 0.25% ในปี 2567
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นอินเดียถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก เหมาะกับการลงทุนในช่วงที่ความเสี่ยงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้น ตลาดหุ้นอินเดียยังมีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงสร้างประชากรที่ดี มีความพร้อมทางด้านกฎระเบียบและนโยบายรัฐที่สนับสนุนการลงทุนของภาคเอกชน หนี้ครัวเรือน หนี้ของธุรกิจเอกชน และหนี้เสียของธนาคารที่ยังอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการฟื้นตัวของเครื่องจักรเศรษฐกิจที่สำคัญ อย่างธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ และ ภาคอุตสาหกรรมการผลิต จะเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตในช่วงถัดไป
นอกจากนี้ Valuation ของดัชนี Nifty 50 อยู่ที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี บนมาตรวัดทั้งในเชิงของ 12-Month forward price-to-earnings และ 12-Month forward price-to-book จากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ โดยเฉลี่ย มองว่า Forward EPS หรือ กำไรต่อหุ้นในอนาคต ปี 2567-2568 อยู่ในระดับ 14-18% Forward ROE หรือผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นในอนาคต อยู่ในระดับ 14-16% ซึ่งเรามองว่า ROE มีโอกาสขยายตัวได้อีก ตามการฟื้นตัวจากภาวะการปรับโครงสร้างของหนี้ในระบบ (Deleveraging) ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา และเครื่องจักรเศรษฐกิจที่หยุดปรับปรุงระบบไปนาน กลับมาดำเนินงานได้อีกครั้งด้วยฐานใหม่ที่มั่นคง SCB CIO มองว่ามีโอกาสเห็นการขยายตัวของ ROE ที่เหนือกว่าค่าเฉลี่ย 20 ปีที่ 17% และอาจกลับไปอยู่ใน Zone ขยายตัวที่ 18-26% เช่นครั้งในอดีต ทั้งนี้ นับแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YTD) ดัชนี Nifty 50 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.5% และ Sensex ปรับเพิ่มขึ้น 8.6%
ขณะที่ความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียที่นักลงทุนต้องพิจารณา ได้แก่ ความผันผวนของค่าเงินอินเดียรูปี ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี 2547 จนถึงปัจจุบัน ลดลงไปกว่า 45% มีผลต่อการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความพยายามจำกัดความเสี่ยงจากค่าเงินด้วยการเพิ่มทุนสำรอง รวมทั้งหันไปนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย โดยซื้อขายด้วยสกุลเงินอินเดียรูปี แทนดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนประเด็นความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เรามองว่ามีแนวโน้มชะลอตัวลงในระยะถัดไป
QTC Q4 จ่อส่งมอบงานทะลุเป้า 400 ล.
SSP กดปุ่ม COD โซลาร์ฟาร์ม Leo 2 ในญี่ปุ่น
BCPG โบรกฯ แนะ 'ซื้อ' เป้า 10 บ. - MMM มินิมาร์ทอสังหาฯ อัพเกรด! เทรด mai
GULF ไตรมาส 3/68 รับรู้ Core Profit นิวไฮ 7,280 ล้านบ.
WSOL เข้าซื้อ “บลู พาร์คกิ้ง” รุกธุรกิจ B2B2C
WP โชว์กำไรทะลุ 38 ล้านบาท ดันผลงานโค้งท้ายเข้าเป้า