Phones





STI ปรับรอบงบปี โชว์ผลงานปี 66 ทำรายได้ 1,746 ล้านบาท

2023-11-29 10:34:56 78



นิวส์ คอนเน็คท์ - STI ปรับรอบบัญชี เป็นเริ่มต้น 1 ต.ค. – 30 ก.ย.ของทุกปี โชว์ฟอร์มดี ปี 66 มีรายได้จากการให้บริการ 1,746 ล้านบาท กำไร 133 ล้านบาท มองภาพรวมเติบโตต่อเนื่อง จากงานภาครัฐที่กลับมาฟื้นตัวหลังตั้งรัฐบาลและมีการจัดสรรงบประมาณในรอบการดำเนินงานใหม่นี้ ตุน Backlog ในมือ 3,800 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดจ่าย 23 ก.พ. 67  

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำในกลุ่มธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของปี 66 ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง เดินหน้ารับงานตุนพอร์ตในมืออย่างต่อเนื่อง ทั้งจากงานโปรเจกต์ภาครัฐและเอกชน งานโครงสร้างพื้นฐาน งานโรงพยาบาลต่างๆ ที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญในหลายกลุ่มธุรกิจ โดยมีการใช้ระบบฐานข้อมูลงานออกแบบและงานก่อสร้าง (BIG DATA) และมีทีมวิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญในการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ณ สิ้นเดือน ก.ย. 66 กลุ่ม STI มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงรอบระยะเวลาบัญชีจากเดิมเริ่มต้นในวันที่ 1 ม.ค. และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เป็นเริ่มต้นในวันที่ 1 ต.ค. และสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. ของทุกปี โดยเริ่มเปลี่ยนรอบบัญชีในปี 66 ดังนั้นงบการเงินสำหรับรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 66 จึงจัดทำขึ้นสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือนเท่านั้น

โดยงบเสมือนที่จัดทำขึ้นสำหรับรอบระยะเวลา 12 เดือน กลุ่ม STI มีผลการดำเนินงานในปี 66 (1 ต.ค. 65 – 30 ก.ย. 66) จากรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,746.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.9 ล้านบาท คิดเป็น 0.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยมาจาก รายได้ของธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้างลดลง 2.1% ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากโครงการภาครัฐขนาดใหญ่หลายโครงการยังไม่สามารถเดินหน้าพัฒนาได้ตามแผน แต่เริ่มเห็นสัญญาณกลับมาฟื้นตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ในทางกลับกันรายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรมและธุรกิจอื่นมีจำนวนเพิ่มขึ้น 39.9 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.4% สาเหตุหลักเนื่องมาจากงานบริการส่วนนี้สามารถดำเนินการเพื่อส่งมอบได้มากขึ้นภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในส่วนของ
บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด (AEC) (บริษัทในกลุ่ม) 

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น จำนวน 514.4 ล้านบาท ลดลง 4.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 29.4% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 133.4 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7.6%

อย่างไรก็ตาม โครงการหลักๆ ในปัจจุบันของกลุ่ม STI ยังคงมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการ One Bangkok โครงการรถไฟฟ้ารางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ โครงการรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เป็นต้น

กลุ่ม STI ได้กระจายในทุกกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย โดยไฮไลท์ที่โดดเด่นในปีนี้ของ STI อยู่ที่กลุ่มงานโรงพยาบาล ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ถือเป็นผู้นำในด้านการควบคุมงานโรงพยาบาลที่มีผลงานมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งจะต้องใช้ความเชี่ยวชาญขั้นสูงของวิศวกรเฉพาะทาง ที่จะต้องเข้าใจเครื่องมือเทคโนโลยีทางการแพทย์ รวมถึงการนำนวัตกรรมต่าง ๆ มาใช้ในการทำงานเพื่อให้สะดวกและแม่นยำของงาน อีกทั้งปัจจุบัน ทุกภาคส่วนต่างให้ความสำคัญกับงานโครงการที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐานอาคารสีเขียว (GREEN BUILDING) ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์สู่ความยั่งยืน โดยวิศวกรของ STI พร้อมทำงานด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีความเข้าใจกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อส่งมอบอาคารที่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามมาตรฐานสากล
 
อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท จากกำไรสุทธิในงวดผลประกอบการวันที่ 1 ม.ค. – 30 ก.ย. 66 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 5 ก.พ. 67 และกำหนดจ่ายปันผลภายใน 23 ก.พ. 67 ซึ่งการให้สิทธิในการรับเงินปันผลยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 67 โดยมีกำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 24 ม.ค. 67