Phones





EASTW คอนเฟิร์มได้สิทธิ์ใช้โควต้าน้ำจากกรมชลฯ

2023-12-26 19:37:39 113



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – EASTW สร้างความมั่นใจ ทั้งแหล่งน้ำหลัก แหล่งน้ำสำรอง ที่มีปริมาณน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในภาคอุตสาหกรรม เร่งเดินหน้าโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำเชื่อมโยงแหล่งน้ำในภาคตะวันออกทั้งหมดความยาวรวม 526 กิโลเมตร แม้มีการยกเลิกมติครม. ปี 35 แต่ยังมีโควต้าน้ำ และยังเป็นที่หนึ่งในภาคตะวันออก
 
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขอยกเลิกการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2535 เรื่องแนวทางการจัดระบบบริหารการพัฒนาแหล่งน้ำ ในส่วนที่กำหนดว่า “ระบบท่อส่งน้ำต่างๆ ควรจะมีผู้รับผิดชอบรายเดียวในการพัฒนาระบบให้เป็นท่อส่งน้ำสายหลัก (Trunk Transmission Main) และ การดำเนินการบริหาร/จัดการ (Operate) เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นผู้ค้าส่ง (Wholeseller) ในการซื้อน้ำจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทาน และขายน้ำดิบให้กับระบบจำหน่ายต่างๆ
 
อย่างไรก็ตาม จากแนวทางดังกล่าว จะไม่ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำของบริษัท เนื่องจากในแต่ละปีทางกรมชลประทานได้มีการจัดสรรน้ำจากปริมาณน้ำต้นทุนจากอ่างเก็บน้ำของกรมชลประทานในแต่ละปีอยู่แล้ว และอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทางกรมชลประทานกำหนด ซึ่งแหล่งน้ำหลักในปัจจุบันของบริษัท ได้แก่ อ่างเก็บน้ำหนองค้อ อ่างเก็บน้ำดอกกราย อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำประแสร์ อ่างเก็บน้ำบางพระ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำระยอง และแหล่งน้ำเอกชน
 
นอกจากนี้ ยังมีแหล่งน้ำสำรองที่มีไว้เพื่อเสริมความมั่นคงของแหล่งน้ำหลัก ได้แก่ สระสำรองน้ำสำนักบก สระสำรองน้ำฉะเชิงเทรา สระสำรองน้ำดิบทับมา รวมถึงมีการดำเนินการวางท่อส่งน้ำดิบหลักคลองหลวง-ชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ชลบุรีอีกด้วย นายเชิดชาย ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ในพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีผู้ประกอบการเพิ่ม ก็ไม่ได้หวั่น เนื่องจากเป็นเรื่องของการแข่งขันทางธุรกิจ พร้อมสู้ และยังยึดมั่นคำเดิมคือเห็นความสำคัญของผู้ใช้น้ำเป็นหลัก รวมถึงการอยู่ร่วมกับชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
 
ขณะที่ในปี 2567 โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลักทดแทน ท่อส่งน้ำเดิม ทั้ง 3 โครงการ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลาอันใกล้ หากก่อสร้างแล้วเสร็จท่อส่งน้ำสายหลักจะเชื่อมโยงแหล่งน้ำหลักในภาคตะวันออก ความยาว 526 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งจะส่งผลให้อีสท์ วอเตอร์ ยังคงเป็นผู้นำในการบริการจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกต่อไป โดยโครงก่อสร้างท่อส่งน้ำสายหลัก 3 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล - หนองค้อ - แหลมฉบัง ในพื้นที่จังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สามารถรองรับการส่งน้ำได้ 350,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ทำให้ส่งน้ำไปให้พื้นที่ชลบุรี ได้อย่างเพียงพอ เพื่อรองรับความต้องการน้ำที่เพิ่มขึ้นหรือในกรณีเกิดภัยแล้ง เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยังยืน ความยาวกว่า 57.1 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อกับท่อส่งน้ำสายหลักประแสร์ – หนองปลาไหลเดิมของอีสท์ วอเตอร์
 
2.โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบคลองหลวง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำคลองหลวงรัชชโลทรมายังอ่างเก็บน้ำหนองค้อ แทน การผันน้ำผ่านคลองพานทอง ความยาวกว่า 49 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อจากท่อส่งน้ำสายหลักปลวกแดง-บ่อวิน และ 3.โครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำดิบมาบตาพุต-สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพิ่มศักยภาพในการส่งน้ำให้แก่ภาคอุปโภค บริโภค และท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ความยาวกว่า 27 กิโลเมตร โดยเชื่อมต่อระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-มาบตาพุต เส้นที่ 2
 
ทั้งนี้ ตลอด 31 ปีที่ผ่านมาบริษัทมีแผนเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำต้นทุน ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อสร้างเสถียรภาพของระบบโครงข่ายท่อส่งน้ำมูลค่ามากกว่า 22,000 ล้านบาท เชื่อมโยงแหล่งน้ำสำคัญในภาคตะวันออกเกือบทั้งหมด ทำให้บริษัทสามารถบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทั้งระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมพื้นที่อีอีซี ลดความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในสภาวะภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง อันจะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้น้ำในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อผู้ใช้น้ำ