Phones





IAA คาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 67 อยู่ที่ 1,590 จุด

2024-01-08 18:01:36 70




นิวส์ คอนเน็คท์ - IAA คาดดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 67 อยู่ที่ 1,590 จุด รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการของบจ.ปี 67 เศรษฐกิจภายในประเทศ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน หรือ IAA เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ สิ้นปี 67 ที่ 1,590 จุด โดยมีปัจจัยบวก ได้แก่ ผลประกอบการของบจ.ปี 67 , รองลงมาคือทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ,ภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศ และฟันด์โฟลว์จากต่างประเทศสู่ตลาดหุ้นไทย

ส่วนปัจจัยด้านลบปีนี้ ได้แก่ การลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก ,รองลงมาปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ และตามมาด้วยปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก

โดยมีสมมติฐานหลักบนราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปีนี้ 80.24 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คาดการณ์การขยายตัวของ GDP ไทยปี 67 จากเดิมที่ 3.56% (ต.ค.66) ลดลงมาเหลือ 3.33%,Risk Free Rate ที่ใช้ในการประเมินมูลค่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.92% และRisk Premium ของตลาดหุ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 7.68%

ขณะที่ด้านคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 67 ของตลาดเฉลี่ยที่ 95.62 บาท ปรับลดจากผลสำรวจครั้งก่อน ซึ่งอยู่ที่ 99.47 บาทต่อหุ้น และคาดว่า EPS Growth ของปี 67 เฉลี่ยอยู่ที่ 12.32%

ด้านคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ณ สิ้นปี 67 มีนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ถึงระดับ 62.50% ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับเดิม คือ 2.50%

โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้มีการกระจายพอร์ตการลงทุน โดยแบ่งเป็น เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 8.96%,กองทุนตราสารหนี้ 25.63%,หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 23.67%,หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 22.79%,กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 9.17%,ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.75% และสินทรัพย์อื่นๆ เช่น Bitcoin ,น้ำมัน 1.03%

สำหรับการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก อาหาร เงินทุน/หลักทรัพย์ และการท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ รายที่มีหนี้สูง และธุรกิจประกัน

อย่างไรก็ตามด้านรายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป พร้อมประเด็นหลักสนับสนุน มีดังนี้

1. AOT มองว่าได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวดีขึ้น โดยในปี 67 คาดนักท่องเที่ยว 34.5-35 ล้านคน จากปี 66 ที่ 27-28 ล้านคน คาดว่าจะเห็นมาตรการรัฐสนับสนุนเพิ่มเติม และนอกจากผลประกอบการจะฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว ยังอยู่ระหว่างศึกษาการปรับขึ้นค่า PSC และการเก็บค่า Transit/Transfer รวมถึงการรอรับโอน 3 สนามบินจากกรมท่าอากาศยาน

2. CPALL โดยได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว High Season และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาล Easy E-Receipt ตลอดจนการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึง Digital wallet ในปี 67 ช่วยหนุนการจับจ่ายใช้สอย

3. CPN โดยมองว่า ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องเช่นกัน ทั้งยังมีแผนการเปิดโครงการใหม่ในระยะยาว มองเป็นหุ้นที่น่าจะเป็นเป้าของกองทุน ThaiESG

4. GPSC ปัจจัยสนับสนุนจาก Bond Yield ที่ปรับตัวลง และคาดกำไรปี 67 โต 31% ฟื้นตัวตามค่าไฟที่คาดทยอยปรับขึ้น ขณะที่ต้นทุนก๊าซมีแนวโน้มค่อยๆ ลดลง

สำหรับหุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้น DELTA เกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมากและหุ้นรายตัวที่มีภาระกู้ยืมสูง/เพิ่มทุน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกของทุกปีนักลงทุนจะกลับเข้าสู่ตลาดหลังจากหยุดเทรดไปในช่วงปลายปี ประกอบกับจะเริ่มเข้าสู่ฤดูประกาศงบและการประกาศจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นไทยมักจะ Outperform ได้

ทั้งนี้คาดว่าปีนี้เม็ดเงินกองทุนรวม TESG น่าจะไหลเข้าทะลุ 10,000 ล้านบาท จากสิ้นปีก่อนที่ทำได้ราว 6,000 ล้านบาท เนื่องจากมีเงื่อนไขดีกว่ากองทุนรวม SSF เพราะถือครองหุ้นแค่ 8 ปี ไม่เหมือนกองทุนรวม SSF ที่ต้องถือครองครบกำหนด 10 ปี รวมถึงปัจจุบันแวลูชั่นหุ้นไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเข้ามาลงทุน

ส่วนทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติในปีนี้ คาดว่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้ามาชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากคาดว่าเม็ดเงินงบประมาณปี 67 จะเริ่มเข้ามาในช่วงเดือนพ.ค.67 ซึ่งจะหนุนการลงทุนของภาครัฐและการลงทุนของภาคเอกชนให้ตามมา ประกอบกับคาดว่าจะเริ่มเห็นทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯที่มีความชัดเจนมากขึ้น