นิวส์ คอนเน็คท์ - RATCH จับมือ NNCL - ALT - ม.ธรรมศาสตร์ ศึกษาลงทุนสมาร์ทซิตี้ คาดใช้เวลาศึกษา 6 เดือนรู้ผล พร้อมลงทุนครึ่งปีหลัง63 หวังดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเกี่ยวเนื่องใน 4-5 ปี เพิ่ม 10-20%

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563 นายจตุพร โสภารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ พัฒนาธุรกิจเกี่ยวเนื่องและธุรกิจใหม่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยภายหลังลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกับ บริษัท นวนคร จำกัด (มหาชน) หรือ NNCL บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) ALT และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า การลงนามในครั้งนี้เพื่อร่วมกันศึกษาแนวทางการพัฒนาพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมนวนคร ตลอดจนพื้นที่ข้างเคียง เพื่อส่งเสริมให้เป็นเมืองอัจฉริยะเต็มรูปแบบ หรือ “Thammasat – Nava Nakorn Smart City” ภายใต้องค์ประกอบ 7 ด้าน ได้แก่ Smart Economy, Smart Mobility, Smart Energy, Smart Environment, Smart Governance, Smart People และ Smart Living

โดยคาดผลการศึกษาต้นแบบจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 63 ภายหลังจากศึกษาแล้วเสร็จจะทราบว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่และจะต้องเริ่มลงทุนในด้านใดก่อน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเห็นการลงทุนได้ในครึ่งปีหลัง63 อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากเริ่มมีการลงทุนในโครงการนี้ บริษัทจะดำเนินการขยายความร่วมมือในการลงทุนในลักษณะนี้กับหน่วยงานอื่นอีก ซึ่งต้องดูความพร้อมของพันธมิตรรายเดิมก่อน แต่ไม่ปิดโอกาสในการร่วมมือกับพันธมิตรรายอื่น

นอกจากนี้ เพื่อช่วยให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจใหม่มีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นนั้น ยังได้ร่วมมือกับ ALT จัดตั้งบริษัท สมาร์ท อินฟราเนท จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจติดตั้งระบบสายใยแก้วนำแสง หรือ ไฟเบอร์ออปติกเพื่อรับงานประมูลติดตั้งระบบสายใยแก้วนำแสงทั้งบนดิน ใต้ดิน และใต้น้ำ ทั้งไทยและต่างประเทศเพื่อช่วยสนับสนุนให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง และธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น จากก่อนหน้านั้น RATCH ยังได้ร่วมลงทุนในโครงการพัฒนารถไฟฟ้าสายสีชมพู และสายสีเหลือง รวมถึงร่วมลงทุนในการติดตั้งระบบจัดเก็บค่าผ่านทางและบำรุงรักษา (O&M) โครงการมอเตอร์เวย์ 2 สาย 2 สัญญาคือ บางปะอิน- นครราชสีมา และบางใหญ่-กาญจนบุรี

พร้อมกันนี้ RATCH ยังได้ร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เพื่อจัดตั้งบริษัทพัฒนาด้านนวัตกรรมเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านในการผลิตพลังงานรูปแบบในอนาคต โดยจะเตรียมนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ให้พิจารณาเห็นชอบภายในเดือน ม.ค.63 เบื้องต้นแบ่งสัดส่วนการถือหุ้นเป็น กฟผ. 40% RATCH 30% EGCO 30% อย่างไรก็ตาม จากการขยายการลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องและธุรกิจใหม่ มองว่าภายใน 4-5 ปีข้างหน้าจะทำให้สัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 10-20%

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews