นิวส์ คอนเน็คท์ - IRPC ไตรมาส 2/62 กำไรสุทธิโต 231% หลังจากปริมาณผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงขึ้น ขณะที่ไตรมาส 3 คาดราคาน้ำมันฟื้นตัวเฉลี่ย 60-67 เหรียญต่อบาร์เรล

นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/62 มีรายได้จากการขาย 57,702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิ 507 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 231% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 ที่มีกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาขายราว4%

ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ปริมาณการกลั่นน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 206,000 บาร์เรล/วัน จาก 200,000 บาร์เรล/วัน ในไตรมาส 1 เป็นผลจากโรงงาน RDCC และโรงงานกลุ่มปิโตรเคมีกลับมาผลิตตามปกติหลังการปิดซ่อมบำรุงตามแผน

นอกจากนี้ ยังมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) จำนวน 5,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 491 ล้านบาทหลังจากที่มีบริหารความเสี่ยงน้ำมัน Oil Hedging ลดลง 229 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม IRPC มีค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้น จากการปรับเงินชดเชยให้กับลูกจ้างตาม พรบ. คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ส่งผลให้มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) อยู่ที่ 2,304 ล้านบาท ลดลง 2% ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น

สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2562 เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2561 IRPC มีรายได้จากการขายสุทธิ จำนวน 111,976 ล้านบาท ลดลง11% เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยลดลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยอัตราการกลั่นน้ำมันอยู่ที่ 203,000 บาร์เรล/วัน ลดลง 8,000 บาร์เรล/วัน เนื่องจากโรงงาน RDCC หยุดผลิตเป็นเวลา 28 วัน ในไตรมาส 1 และมี Market GIM จำนวน 10,387 ล้านบาท หรือ 8.90 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรลลดลง 39% เนื่องจากส่วนต่างราคาปิโตรเลียมและปิโตรเคมีปรับตัวลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยืดเยื้อ การเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตใหม่ในภูมิภาค และอัตราการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ขณะที่ครึ่งปีแรก 2562 นั้น IRPC มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิรวม 1,211 ล้านบาท ลดลง 1,208 ล้านบาท ส่งผลให้ Accounting GIM มีจำนวน 11,598 ล้านบาท หรือ 9.94 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล) ลดลง 40% มี EBITDA อยู่ที่ 4,659 ล้านบาท ลดลง63% อย่างไรก็ตาม IRPC มีต้นทุนทางการเงินลดลงและมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิจำนวน 660 ล้านบาท ลดลง 90% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับแนวโน้มภาวะตลาดน้ำมันดิบในไตรมาส 3/62 คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวในกรอบ 60 – 67 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความร่วมมือในการขยายเวลาการปรับลดกำลังการผลิตประมาณ 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน ของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกออกไปอีก 9 เดือน โดยจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2563 และสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณช่องแคบฮอร์มุซ รวมถึงช่วงฤดูเฮอริเคนในสหรัฐฯ ที่อาจทำให้การผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในอ่าวเม็กซิโกลดลง