Phones





JMART ปักเป้าผลงานปี 67 เดินหน้าทำนิวไฮ

2024-02-13 18:29:02 265



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - JMART มั่นใจผลงานปี 67 ทำนิวไฮอีกครั้ง หลังมีการปรับกลยุทธ์มาตั้งแต่ปี 66 โดยตั้งเป้าหมายกำไรทำนิวไฮจากการเติบโตต่อเนื่องของธุรกิจที่โดดเดนในกลุ่มอย่าง JMT คาดทำนิวไฮทั้งในด้านการจัดเก็บกระแสเงินสดและกำไร รวมถึงการรับรู้กำไรจากการเข้าลงทุนในสุกี้ตี๋น้อย ขณะที่ SINGER และ SGC ผลงานเริ่มฟื้นตัว
 
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 พลิกทำกำไรต่อเนื่องอยู่ที่ 166 ล้านบาท โดยหากไม่รวมรายการ Unrealized Loss จากราคาหุ้นจะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 276 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 13,743 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 447 ล้านบาท โดยหากไม่รวมรายการ Unrealized Loss จากการ Mark to Market ของราคาหุ้น บริษัทจะมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 396 ล้านบาท
 
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี 2566 สะท้อนทิศทางการฟื้นตัวหลังจากได้รับผลกระทบปัญหาการตั้งสำรองหนี้ด้อยคุณภาพของบริษัทในกลุ่ม SINGER ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้ให้ความสำคัญในการปรับกลยุทธ์และแก้ปัญหาดังกล่าว และปัจจุบันได้ปรับตัวดีขึ้นแล้ว ทำให้ JMART มั่นใจเป้าหมายปี 2567 พร้อมเดินหน้าต่อตั้งเป้าหมายผลงาน New High ด้วยการผสานพลังบริษัทในกลุ่ม และส่งผลกำไรเชิงบวกกลับมาให้ที่ JMART โดยโครงสร้างของกลุ่มเน้นเรื่องคอมเมิร์ซ ไฟแนนซ์ และเทคโนโลยี  
 
สำหรับในปี 2567 นี้ บริษัทวาง 3 กลยุทธ์หลัก ที่เป็น Key Message คือ 1.ตั้งเป้าหมายกำไรทำ New High จากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทที่เป็นพระเอกในกลุ่มอย่าง JMT คาดทำนิวไฮทั้งในด้านการจัดเก็บกระแสเงินสดและกำไร, 2.การเข้าไปลงทุนที่คุ้มค่าจากสุกี้ตี๋น้อย (TEENOI) ในสัดส่วนร้อยละ 30 สามารถสร้างผลกำไรกลับมาให้บริษัทอย่างน่าประทับใจ โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา สุกี้ตี๋น้อยมีกำไรสุทธิ 913 ล้านบาท ซึ่ง ณ สิ้นปี 66 มีสาขาจำนวนกว่า 55 สาขา โดยในปีที่ผ่านมาบุกต่างจังหวัดมากขึ้น ไปที่โคราช พัทยา และสมุทรปราการเรียบร้อยแล้ว และ 3.SINGER และ SGC ผลงานฟื้นตัวจากสถานการณ์ในปี 2566 ชัดเจน พร้อมสร้าง New S-Curve ใหม่ ด้วย the New Jaymart ที่เน้นด้าน Commerce Tech และ Fintech ควบคู่การบริหารจัดการภายในที่ดี ซึ่งมองว่าจะเป็นการสร้างฐานกำไรที่แข็งแรงในอนาคต
 
ทั้งนี้ ด้วยความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุนในการจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ของบริษัทและบริษัทย่อยได้ตามกำหนดภายในปีนี้ ด้วยกระแสเงินสดที่มีในปัจจุบัน