Phones





EURO เทรด mai วันแรกต่ำจอง 8.49%

2024-02-14 14:40:26 172




นิวส์ คอนเน็คท์ - EURO เปิดเทรด mai วันแรก -8.49% จากราคา IPO ที่ 10.60 บาท เตรียมนำเงินระดมทุนสร้างโชว์รูม 3 แห่ง ชำระคืนเงินกู้ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้มตั้งเป้ารายได้โต 10-20% โชว์ Backlog ในมือมากกว่า 400 ล้านบาท 

เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นวันแรกราคาเปิดตลาดอยู่ที่ 9.70 บาท ลดลง 0.90 บาท หรือ -8.49% จากราคา IPO ที่ 10.60 บาท โดยระหว่างทำการซื้อขายในภาคเช้ามีราคาสูงสุดที่ 9.80 บาท และราคาต่ำสุดอยู่ที่ 9.10 บาท 

นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EURO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตที่ระดับ 10-20% ชองทุกปี รวมถึงปัจจุบันยังมีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งบริษัทยังมีงานที่รอส่งมอบลูกค้า (Backlog) อยู่ในมือมากกว่า 400 ล้านบาท รวมถึงบริษัทยังมีแผนขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับเงินที่ได้จากการเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้ ไปใช้ก่อสร้างโชว์รูม Euro Creations 3 แห่ง ได้แก่ สาขาภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการภายในไตรมาส 1/67 เร็วกว่าที่คาดไว้ สาขาทองหล่อ ซอย 5 ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการไตรมาส 2/67 และสาขาทองหล่อ ซอย 1 ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการไตรมาส 4/69 รวมถึงนำไปชำระเงินกู้จากสถาบันการเงินเพื่อก่อสร้างโชว์รูมใหม่และชำระเงินกู้ยืมระยะสั้นที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและการขยายธุรกิจ 

ทั้งนี้ บริษัทวางแผนมุ่งเน้นขยายผลิตภัณฑ์และตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูง ได้แก่ 1) การเจาะตลาดจากผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มศักยภาพการขายและการทำตลาด รวมถึงนำเสนอบริการที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละราย 2) ขยายตลาดไปยังพื้นที่ใหม่ที่มีศักยภาพ เช่น ภูเก็ต ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง 3) เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเดิมได้ดียิ่งขึ้น และ 4) คัดสรรผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้าระดับพรีเมียมและขยายสินค้าใหม่กลุ่มเฟอร์นิเจอร์สำนักงานตอบสนองกลุ่มลูกค้าทั่วไป (B2C) ที่ปรับรูปแบบมาทำงานที่บ้านเพิ่มขึ้น รวมถึงลูกค้าผู้ประกอบการ (B2B) เช่น ผู้พัฒนาอาคารสำนักงาน, โครงการอสังหาฯ แบบมิกซ์ยูส เป็นต้น 
 
“เรามองว่ากลุ่มลูกค้าระดับลักชัวรี่และพรีเมียมเป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีกำลังซื้อสูงและมีโอกาสได้รับผลกระทบจากความผันผวนทางเศรษฐกิจค่อนข้างน้อย เห็นได้จากในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ได้ชะลอการตัดสินใจซื้อ และผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ทางผู้ประกอบการอสังหาฯ วางแผนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักชัวรี่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของบริษัทฯ” นายเควิน กล่าว