Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
PREB อนุมัติปันผล 0.40 บ./หุ้น กอด Backlog กว่า 8.2 พันล.
MAI
STX รับออเดอร์หินขนาดใหญ่กว่า 100 ล. โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะ 3
IPO
โบรกฯ เคาะเป้าหมาย SPREME สูงสุด 5 บ./หุ้น
บล./บลจ
กบข. ปรับโฉมแอปใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิก
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
SCB EIC เดาใจ กนง. ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง สู่ระดับ 2.00%
การค้า - พาณิชย์
TikTok ผนึก SME D Bank เสริมทักษะดิจิทัล – แหล่งเงินทุนแก่เอสเอ็มอี
พลังงาน - อุตสาหกรรม
TGE ดันผลงานปี 67 โต 10% พร้อมลุยประมูลงานใหม่อีก 30 MW
คมนาคม - โลจิสติกส์
SJWD เซ็นสัญญารับงาน ‘กลุ่มแอสเซทไวส์’
แบงก์ - นอนแบงก์
BAY เปิดกลยุทธ์ปี 67 รุกกลุ่มลูกค้าธุรกิจญี่ปุ่น - บรรษัทข้ามชาติ
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
TIDLOR อนุมัติจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด ขึ้น XD 24 เม.ย. 67
SMEs - Startup
SCB 10X ประกาศร่วมลงทุนรอบ Seed Round ใน Guardrails AI
ประกันภัย - ประกันชีวิต
TQMalpha มั่นใจเบี้ยประกันแตะ 3.3 หมื่นล.
รถยนต์
GPI โชว์ยอดจองรถงาน “มอเตอร์โชว์” 58,611 คัน
ท่องเที่ยว
ttb analytics ประเมินเงินสะพัดกว่า 4.2 หมื่นล.ในช่วงสงกรานต์ปี 67
อสังหาริมทรัพย์
'ออริจิ้น' แบ็คล็อกแกร่ง 45,900 ล้านบ. ทริสฯ คงเรตติ้ง BBB+ 3 ปีซ้อน
การตลาด
SCGD x COTTO ชูแนวคิด ‘Reform the new Sustainability, made by you’ ในงานสถาปนิก’ 67
CSR
SCB 10X ประกาศร่วมลงทุนรอบ Seed Round ใน Guardrails AI
Information
KJL จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2567 พร้อมเปิดแผนธุรกิจ
Gossip
PRM นับถอยหลังขึ้น XD รับปันผล 0.26บ./หุ้น
Entertainment
fintips by ttb ชวนพิชิตหนี้ด้วย 3 สิ่งต้องรู้
สกุ๊ป พิเศษ
NER เดินหน้าโตแกร่ง ควบคู่เน้น ESG
TTB ประเมินศก.ฟื้นตัวช้า รับแรงกดดันรอบด้าน
2024-02-22 20:00:21
92
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - ttb analytics มองเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและเผชิญความท้าทายรอบด้าน ประเมินเศรษฐกิจปี 67 ขยายตัว 2.6% ชี้วิกฤตโควิด-19 จุดชนวนปัญหาเชิงโครงสร้างรุนแรงขึ้น หวั่นกระทบความสามารถในการแข่งขันธุรกิจ
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ ttb analytics ประเมินว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2566 ที่ผ่านมา ยังพอมีแรงสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว แต่ภาพรวมการใช้จ่ายของภาคประชาชนกลับเห็นสัญญาณเปราะบางขึ้น สะท้อนจากการบริโภคภาคเอกชนในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับร้านอาหารและโรงแรม เช่น การใช้จ่ายสินค้าจำเป็น ค่าสาธารณูปโภค ค่าเช่า และค่าซื้อยานพาหนะ ขยายตัวได้เพียง 0.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางกับการใช้จ่ายในส่วนของร้านอาหารและโรงแรมเติบโตถึง 46.5%
ทั้งนี้ ttb analytics มองว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังไม่กลับสู่ระดับก่อนวิกฤตโควิด-19 แม้ระดับการขยายตัวของเศรษฐกิจในปัจจุบันสามารถปิดช่องว่างผลผลิตได้แล้ว แต่เป็นการปิด Output Gap เทียบกับระดับศักยภาพใหม่ที่ลดลง กล่าวคือ เศรษฐกิจไทยมักจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงเพิ่มขึ้นทุกครั้งหลังเกิดวิกฤต ทำให้เศรษฐกิจในระยะสั้นฟื้นตัวช้ามาก ส่วนในระยะยาวมีแนวโน้มขยายตัวต่ำเฉลี่ยไม่ถึง 2.0% ต่อปี อีกทั้งโมเมนตัมเศรษฐกิจไทยยังฟื้นได้ช้ากว่าหลาย ๆ ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่าในอดีต
ทั้งนี้ ttb analytics ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัว 2.6% ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 1.9% แต่เป็นการฟื้นตัวที่ค่อนข้างเชื่องช้าและยังมีความเสี่ยงรอบด้าน แม้เศรษฐกิจในช่วงต้นปีได้แรงส่งจากการบริโภคและการท่องเที่ยวที่ปรับดีขึ้นตามอานิสงส์ของช่วงเทศกาล แต่แรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจเติบโตในระยะสั้นอาจมีเพียงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่การลงทุนโดยรวมฟื้นตัวล่าช้า รวมถึงการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัวได้จำกัด สำหรับเงินเฟ้อปี 2567 มีแนวโน้มต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย แต่ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.8% ท่ามกลางการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นมาก ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (เมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน) ของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ราว 2.0% ซึ่งสูงกว่าประเทศคู่เทียบอย่างมาเลเซียและเกาหลีใต้ และสูงกว่าสหรัฐฯ ที่ระดับ 1.0%
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัย หากพิจารณาตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังไม่ได้รวมผลของส่วนเปลี่ยนสินค้าคงเหลือ (Change in Inventory) และส่วนต่างทางสถิติ (Statistical Discrepancy) จะเห็นว่าตัวเลขในฝั่งอุปสงค์ (Demand Side) แตกต่างกับการเติบโตของเศรษฐกิจในฝั่งอุปทาน (Supply Side) อย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ปี 2565 เนื่องจากส่วนเปลี่ยนสินค้าคงเหลือและส่วนต่างทางสถิติมีบทบาทต่อการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น สะท้อนจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจฝั่งอุปทานในปี 2566 ขยายตัวได้เพียง 2.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจฝั่งอุปสงค์กลับขยายตัวถึง 4.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเหล่านี้สะท้อนการปรับตัวของวัฎจักรธุรกิจทำได้ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในฝั่งอุปสงค์ที่มีความยืดหยุ่นตามสภาพเศรษฐกิจและพฤติกรรมทางสังคม
ทั้งนี้ ผู้ผลิตในประเทศสูญเสียความสามารถในการแข่งขันจากสินค้านำเข้าจากจีนที่เข้ามาในตลาดของไทย โดยการปรับตัวของโครงสร้างภาคผลิตไทยทำได้ช้าจึงแข่งขันได้ยาก จากข้อจำกัดในเรื่องห่วงโซ่อุปทานในแต่ละอุตสาหกรรมและลักษณะเฉพาะด้านโครงสร้างธุรกิจ อีกทั้งการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน สินค้าอุปโภคบริโภคที่นำเข้าจากจีนมีข้อได้เปรียบจากราคาที่ค่อนข้างถูกตามการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) รวมถึงการฉกฉวยข้อได้เปรียบจากระเบียบการยกเว้นภาษีขาเข้าศุลกากรของไทย ส่งผลให้ไทยนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคจากจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยสูงถึง 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็น 20% ของมูลค่านำเข้าจากจีนทั้งหมด
ขณะเดียวกัน ผู้ค้าในประเทศก็เริ่มเผชิญข้อจำกัดจากการที่จีนเข้ามาทำตลาดในประเทศโดยตรง หากพิจารณาตัวเลขหมวดย่อยการเติบโตทางเศรษฐกิจในฝั่งอุปทาน พบว่า กิจกรรมภาคการค้าปลีกค้าส่งในปี 2566 ขยายตัวได้ดีถึง 3.8% เทียบกับปีก่อนหน้า สวนทางกับกิจกรรมในภาคการผลิต (Manufacturing) ที่หดตัว 3.2% ซึ่งส่วนหนึ่งจากความนิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้มูลค่าตลาดค้าปลีกออนไลน์ (E-Commerce) ในประเทศเติบโตอย่างรวดเร็ว จนทำให้ระยะหลัง ผู้ค้าในประเทศเองก็กำลังเผชิญการแข่งขันที่ยากลำบากขึ้นจากการทำตลาดเองโดยตรง (B2C) ของผู้ผลิตและผู้ค้าจีนที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคชาวไทยได้ง่ายขึ้น
โดยมองไปข้างหน้า ttb analytics ชี้ว่า ผู้ประกอบการในประเทศอาจต้องเผชิญการแข่งขันในประเทศที่รุนแรงขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงที่สถานการณ์สินค้าจีนทะลักไทยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จากผลพวงของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอลงกว่าในอดีตจากผลกระทบของวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ภาคการผลิตจีนยังคงรักษาอัตรากำลังการผลิตในระดับสูงเพื่อคงระดับการจ้างงานในประเทศต่อไป จึงเกิดเป็น “ภาวะการผลิตมากเกินไป” (Overproduction)
ขณะที่ผู้ผลิตจีนก็มีข้อจำกัดทางการค้าจากประเด็นด้านภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น ทำให้ไม่สามารถระบายสินค้าไปยังคู่ค้าหลักเดิมอย่างสหรัฐฯ ได้เหมือนในอดีต ส่งผลให้จีนปรับเปลี่ยนการส่งออกไปยังตลาดอาเซียนซึ่งได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้งที่ใกล้เคียงเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขมูลค่าส่งออกจีนไปตลาดอาเซียนขยายตัวเร่งขึ้นในระยะหลัง จนทำให้สัดส่วนส่งออกไปตลาดอาเซียนในปัจจุบันใหญ่กว่าที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เช่นเดียวกับไทยมีการนำเข้าสินค้าจากจีนขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 9.2% ในช่วงปี 2563-2566 คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าสูงถึง 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผล
PREB อนุมัติปันผล 0.40 บ./หุ้น กอด Backlog กว่า 8.2 พันล.
TEKA คว้าบิ๊กโปรเจกต์ 728 ลบ. ดัน Backlog พุ่งสู่ 4.3 พันล.
PTG ฉลุย! จ่ายปันผลปี 66 อัตรา 0.35 บ./หุ้น คาดปีนี้ยอดขายน้ำมันโต 10-12%
TQMalpha อัพเบี้ยประกันแตะ 3.3 หมื่นล. - BAY งัดกลยุทธ์ธุรกิจปี 67 เจาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่น
PTG ส่ง 'โกลัค' บริหารแฟรนไชส์ 'ซับเวย์' - STX ดีเดย์เทรด mai วันแรก นำเงินขยายเหมืองหิน
PTG ดัน “โกลัค” ปั้น “ซับเวย์” ขึ้นแท่น TOP 3 ตลาด QSR ภายใน 3 ปี