นิวส์ คอนเนคท์ – “สมคิด” เดินสายมอบนโยบายให้ผู้บริหาร KTB พร้อมขอให้ร่วมมือสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เร่งหามาตรการช่วยเหลือกลุ่มข้าราชการในการปรับโครงสร้างหนี้ และมาตรการช่วยลูกค้าเอสเอ็มอีในช่วงเศรษฐกิจตึงตัว ด้าน “ผยง” บิ๊ก KTB ขานรับนโยบาย พร้อมเร่งหาทางช่วยเหลือลูกหนี้ข้าราชการ มองสินเชื่อรวมปีนี้ขยายตัว 3-5%  

เมื่อวันที่ 22 มกราคม 63 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการเข้าตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายให้กับทางผู้บริหารของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยให้หามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มข้าราชการ ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ข้าราชการ เพื่อลดภาระของข้าราชการให้ลดลง โดยให้มีการหารือกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยเฉพาะธนาคารออมสิน และต้องการให้มีมาตรการออกมาโดยเร็วที่สุด

ทั้งนี้ เรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ข้าราชการถือเป็นนโยบายที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายไว้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญ โดยต้องการให้ทั้ง KTB และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐพิจารณาร่วมกันว่าจะผ่อนปรนได้หรือไม่ เพราะข้าราชการถือเป็นลูกค้าเป็นของ KTB และธนาคารออมสิน ดังนั้นจะต้องศึกษาร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ KTB ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอี ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจตึงตัว ซึ่งหากดำเนินการได้นอกจากจะได้ประโยชน์กับเอสเอ็มอีแล้ว ยังจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจด้วย รวมทั้งมองว่า KTB จะเป็นเสาหลักให้เศรษฐกิจของไทยเข้าถึงดิจิทัลได้ดีขึ้น โดยภาครัฐมีแนวทางที่จะให้ทุกหน่วยงานเชื่อมโยงกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้พยายามหาแนวทางมาโดยตลอด และเชื่อว่าจะใช้เครื่องมือของ KTB ดำเนินการได้ และต้องการให้ KTB เป็นตัวกลางดำเนินการ ซึ่งหากเชื่อมโยงกันได้จะช่วยลดต้นทุนได้ค่อนข้างมาก

ด้านนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กล่าวว่า ธนาคารจะหารือร่วมกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้ข้าราชการอย่างเร่งด่วน ส่วนเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือลูกค้า ธนาคารก็พร้อมที่จะนำไปพิจารณา อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยของธนาคารในขณะนี้ทั้ง MLR และ MRR ถือว่าอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ และเพียงพอที่จะช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีอยู่แล้ว  

สำหรับภาพรวมสินเชื่อของธนาคารในปี 63 คาดว่าจะเติบโตในระดับ 3-5% ซึ่งเป็นไปการเติบโตของตัวเลขจีดีพีในปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวราว 2.8% โดยการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้หลักๆจะมาจากธุรกิจในประเทศ เช่น ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจค้าขายออนไลน์ เกษตรแปรรูป กลุ่มสุขภาพ และกลุ่มภาคการผลิตในรูปแบบซัพพลายเชน เป็นต้น ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) คาดว่าจะใกล้เคียงปีก่อน

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews