นิวส์ คอนเน็คท์ – GPSC ปี 63 อัดงบลงทุน 7 พันล้านบาท ลุยขยายลงทุนโรงไฟฟ้าต่อเนื่อง และลงทุนในโครงการใหม่เพิ่ม พร้อมลงทุนโรงแบตเตอรี่ ชี้ไตรมาส 1-2/63 ซื้อโซลาร์ฟาร์ม 9 โครงการ รวม 39.5 เมกะวัตต์แล้วเสร็จ ลั่นสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าชุมชน มั่นใจผลการดำเนินปีนี้เติบโตแข็งแกร่ง 

เมื่อเร็วๆ นี้ นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ผู้นำด้านธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผย ว่า ในปี 63 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ราว 7,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงาน เฟสที่ 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมในรูปแบบผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (SPP) เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าที่จะหมดอายุจำนวน 2 สัญญา มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 281 เมกะวัตต์ และผลิตไอน้ำ 300 ตันต่อชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังเป็นการลงทุนต่อเนื่องในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 250 เมกะวัตต์ (ERU) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพลังงานสะอาด (CPF) ของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รวมถึงเป็นงบลงทุนสำหรับลงทุนก่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง มูลค่า 1,100 ล้านบาท นอกจากนั้น เป็นค่าใช้จ่ายประจำปีในการซ่อมบำรุงเครื่องจักร ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนั้นอยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดร่วมกับ ปตท.ดูว่าพื้นที่ไหนมีศักยภาพจะสามารถไปดำเนินการลงทุนได้

ด้านนางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชีองค์กร GPSC กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในปี 63 มีการลงทุนต่อเนื่องในโครงการผลิตไฟฟ้านวนคร ส่วนขยาย (NNEG Expansion) กำลังการผลิต 18 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 3/63 รวมถึงเงินสำหรับการเข้าซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์ม 9 โครงการ รวม 39.5 เมกะวัตต์ มูลค่าราว 3,000 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการซื้อแล้วเสร็จในไตรมาส 1-2/63 ปัจจุบันผู้ขายอยู่ระหว่างดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนซื้อ และโครงการโรงไฟฟ้าขยะ RDF ที่ จ.ระยองขนาดกำลังการผลิต 9.8 เมกะวัตต์คาดว่าจะดำเนินการ COD ในปี 64 อย่างไรก็ตามงบลงทุนในปีนี้ไม่รวมการซื้อกิจการ (M&A)

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 63 มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 62 เนื่องจากจะรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำลิก 26 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น 40% โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี 321 เมกะวัตต์ ตามสัดส่วนการถือหุ้น โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเฟสที่ 4 (CUP4) 45 เมกะวัตต์ ที่มาบตาพุด จ.ระยอง รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปีจากการซื้อ GLOW นอกจากนี้ บริษัทรวมบริษัทย่อยมีภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลงเหลือราว 1,000 ล้านบาทจากปีก่อน 4,000 ล้านบาท
ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นทุก 1 บาทที่แข็งค่าขึ้นจะกระทบบริษัท 50 ล้านบาทต่อปี โดยไม่รวมบริษัทลูก ส่วนปัญหาภัยแล้ง GPSC มีมาตรการลดการใช้น้ำ โดยหลัก 3 R คือ Reduce, Reuse, Recycle รวมถึงหาแหล่งน้ำทดแทน

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews