นิวส์ คอนเน็คท์ – L&E ตั้งเป้ารายได้ปี 63 โต 15% จากการเลื่อการส่งมอบสินค้ามาเป็นปีนี้ พร้อมมียอดรอรับรู้รายได้กว่า 1 พันล้านบาท อีกทั้งได้ออเดอร์จากลูกค้ารายใหญ่ 2 ราย

เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563 นายปกรณ์ ปริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยว่า ปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% ผลจากการเลื่อนส่งมอบงานจากปีที่แล้วมาเป็นปีนี้ อาทิ งานโครงการของรัฐสภา งานสนามบินสุวรรณภูมิอาคารเทียบเครื่องบินรอง และออเดอร์งานปรับปรุงโรงพยาบาล เป็นต้น รวมทั้งการที่รัฐบาลชะลอโครงการประหยัดพลังงานเมื่อปีที่แล้วมาเป็นปีนี้ ส่งผลให้บริษัทจะมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ LED จะมีเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะสามารถทยอยรับรู้ Backlog ทั้งหมดได้ภายในช่วงไตรมาส 1/63 ถึงไตรมาส 2/63

ทั้งนี้ บริษัทได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา ทำให้มีโอกาสเจรจากับลูกค้าจากสหรัฐฯ หลายรายที่ตกลงกันได้แล้ว 2 รายใหญ่ๆ โดยร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศจีนในการช่วยผลิต เป็นผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าแสงสว่าง และอุปกกรณ์อัจฉริยะที่เกี่ยวข้องกับ IoT คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากส่วนนี้ 100-150 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งรายได้จากส่วนนี้ทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทวางงบการลงทุน สำหรับผลิตสินค้าดังกล่าว 40 ล้านบาท โดยปรับปรุงอาคารผลิตสินค้าและติดตั้งเครื่องจักร เพื่อผลิตออเดอร์ส่งออกให้สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันบริษัทใช้กำลังการผลิตเพียง 60% หากปรับปรุงเป็น 100% คาดว่าจะรองรับการผลิตสินค้าได้มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท

สำหรับกรณีไวรัส Covid-19 ระบาด ปัจจุบันยังไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าว คาดว่าอาจทำให้ลูกค้าจะชะลอการติดตั้งหลอดไฟฟ้าโครงการต่างๆได้ ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งยังไม่สามารถประเมินระยะยาวได้

สำหรับปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 72.7 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 44.7 ล้านบาท หรือลดลง 38% และมีรายได้ 2,709 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 214 ล้านบาท หรือลดลง 7% โดยมีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.14 บาทต่อหุ้น กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) 5 พฤษภาคม 2563 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 22 พฤษภาคม 2563

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews